“คนเร่ร่อน” เป็นบุคคลที่หลายคนเมิน คนบางส่วนในสังคมกลับเห็นความสำคัญของหมาแมวซึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉานมากกว่าคนหรือมนุษย์ด้วยกันเอง ลองดูในกล่องรับบริจาคช่วยคนเร่ร่อน ยังได้รับเงินบริจาคน้อยกว่ากล่องช่วยหมาแมวเสียอีก
ที่ว่าคนเร่ร่อนมีค่าน้อยกว่าหมาแมวแมวนั้น ผมเห็นจากคนรู้จัก อดีตนักศึกษาเดือนตุลาที่เคยคิดสละชีพและอนาคตเพื่อความเป็นธรรมในสังคมและเพื่อผู้ยากไร้เมื่อ 40 ปีก่อน รายหนึ่งหมาที่เลี้ยงไว้แก่ตายไป ยังความเศร้าโศกแก่สหายท่านนี้นานนับเดือน แต่สุดท้ายก็ได้หมาตัวใหม่มาปลอบโยน หมาของสหายอีกรายหนึ่งป่วยเป็นมะเร็ง (ระยะสุดท้าย) ยังความกังวลยิ่งแก่คนทั้งครอบครัว ลูกสาวถึงขนาดลาพักร้อนออกมาดูแลเพื่อส่งหมาขึ้นสวรรค์หรือไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่า
อันที่จริงเรื่องความรักความผูกพันที่อยู่ร่วมกันมาระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงที่ช่วยบำบัดความเหงาให้เราที่ต่างก็ให้ความรักแก่กันและกัน ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แม้แต่แมงมุม งูหรือสารพัดสัตว์เดรัจฉานที่คนเลี้ยงไว้ คนเลี้ยงก็ยังมีความผูกพัน อีกอย่างยังถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่เราไม่พึงไปก้าวล่วง แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นหมาข้างถนน และยิ่งเป็นหมาขี้เรื้อนด้วยแล้ว คนเราคงเมิน คนจนที่อาศัยหลับนอนอยู่ข้างถนน บางครั้งก็ถูกมองไร้ค่า ปล่อยให้ตายอย่างอนาถเหมือนหมาข้างถนนเหมือนกัน
บางคนอาจเข้าใจผิดว่าคนเร่ร่อนเป็นคนขี้เกียจ มีมือเท้าแต่มาเร่ร่อนในเมืองแล้วขอทานเขากิน อันที่จริงขอทานกับคนเร่ร่อนไม่เหมือนกัน ขอทานเป็นอาชีพที่ทำกันทุกวันเช่นอาชีพอื่นแต่เป็นอาชีพที่ผิดกฎหมาย บ้างก็นั่งสามล้อแท็กซี่จากที่พักมาขอทาน บ้างก็ทำเป็นขบวนการ แถมด้วยขอทานจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ร้ายกว่านั้นคือเป็นการค้ามนุษย์ อาชญากรรมตัดแขนขาเด็กให้พิการ ทรมานเด็กและทารกโดยอุ้มมานั่งขอทานทั้งที่เคยมีการตรวจดีเอ็นเอแล้ว พบว่าไม่ใช่แม่ลูกกัน
ในขณะที่ขอทานมีรายได้เป็นเงินวันละ 700-1,000 บาท ซึ่งมากกว่าแท็กซี่ สามล้อ จักรยานยนต์รับจ้างหรือแม่ค้าหาบเร่ที่อาจได้วันละ 300-700 บาท คนเร่ร่อนนั้นมักไม่ได้ขอใครกิน แต่หาของเก่า เก็บขยะขาย หรือบ้างก็อาจได้รับการแบ่งปันอาหารจากผู้พบเห็นบ้าง พวกนี้ค่ำไหนนอนนั่นหรือปักหลักนอนตามทางเท้าหรือซอกหลืบในสังคมโดยไม่ได้ไปเบียดเบียนบุกรุกสร้างบ้าน สร้างสลัมเป็นของตนเอง
คนเร่ร่อนก็เป็นคนมีศักดิ์ศรีเป็นมนุษย์เหมือนเราท่าน คนเร่ร่อนไม่ใช่ขอทานมืออาชีพที่ลวงเราด้วยความน่าสงสาร แทบทุกคนก็พยายามประกอบอาชีพหาของเก่ามาขายจากถังขยะ พวกเขาถูกผลักออกจากสังคมปกติจนต้องมานอนอย่างหมาข้างถนน เราท่านคนปกติคงนอนอยู่ข้างถนนแบบนี้ไม่ได้แม้สักคืนหนึ่ง บางคนที่นอนข้างถนนนานวันเข้า ก็เลยเพี้ยนหรือบ้าไปบ้างแหละ บ้างก็นั่งพูดพึมพำ บ้างก็อาจดูน่ากลัว จึงยิ่งถูกสังคมตั้งข้อรังเกียจไปอีก
คนเรามีความรักต่อเพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์อยู่แล้ว แต่หลายคนไม่เคยสัมผัสเลย ไม่เข้าใจคนเร่ร่อนว่าเขาก็เหมือนอย่างเราๆ ท่านๆ นี่แหละ เพียงแต่มีวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ในสังคม ผมจึงขอเชิญชวนท่านแบ่งปันความรักจากสัตว์เลี้ยงมาสู่คนเร่ร่อนบ้าง เช่น การช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและระยะยาว ได้แก่
1. การเลี้ยงอาหารให้คนเร่ร่อนได้ทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะและอร่อยสักมื้อ
2. ให้ปัจจัยการยังชีพเป็นถุงยังชีพ รวมทั้งการช่วยรักษาพยาบาลเบื้องต้น
3. การช่วยเหลือส่งไปรับการรักษาพยาบาล ถ้าเป็นกรณีจำเป็น ก็อาจส่งไปสถานสงเคราะห์คนชรา สงเคราะห์เด็ก หรือสงเคราะห์ผู้ค้าบริการทางเพศ
4. การจัดหาที่อยู่ชั่วคราวหรืองานเพื่อเตรียมให้พวกเขากลับสู่สังคมปกติ
5. การส่งกลับไปหาครอบครัวในชนบท เป็นต้น
6. การส่งเสริมบ่มเพาะให้เขามีอาชีพเพื่อให้เขารู้สึกว่ามีคุณค่าไม่เป็นภาระของสังคมและกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
มูลนิธิอิสรชนได้พยายามช่วยเหลือคนเร่ร่อนมานับสิบปี เรายังทำการสำรวจวิจัย จัดทำสถิติ ให้ข้อมูลเผยแพร่ความรู้ต่อสังคมเพื่อแก้ปัญหานี้อีกด้วย เราเชื่อว่าถ้าทุกคนได้รับการดูแล ก็น่าจะทำให้สังคมเป็นสุข ประเภทที่ "เพี้ยน" ไปจนทำร้ายตนเอง และทำร้ายสังคมก็คงไม่เกิดขึ้น ยิ่งในสังคมขณะนี้ บางทีเจอคนดีๆ ทำร้ายคนอื่น เช่น กรณี รปภ.เอาแล้วเอาไม้ตีนิสิตสาวมหาวิทยาลัยเกษตรฯ ก็ถูกเข้าใจว่าเป็นฝีมือคนเร่ร่อน เป็นต้น (https://goo.gl/mcG9fC)
ถ้ามีโอกาสมาร่วมช่วยคนเร่ร่อนกันนะครับ จัดอาหารมาเลี้ยงให้พวกเขามีความสุขสักมื้อ บริจาคได้ตั้งแต่เสื้อผ้าเก่าๆ ของใช้ กระทั่งยา-ผ้าพันแผล ผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่ ถุงนอน เต้นท์ และอื่น ๆ หากท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติม มาดูงานคนเร่ร่อน หรืออยากทำความเข้าใจคนเร่ร่อนหรือรู้จักมูลนิธิอิสรชนมากกว่านี้ ติดต่อได้ที่ www.issarachon.org หรือ www.facebook.com/issarachonfound โทร. 0984106739 (คุณอัจฉรา)