มาดูที่สุดของราคาที่ดินบนชายหาดภูเก็ตว่าแต่ละหาด แต่ละอ่าว มีราคาแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด มีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวว่าศูนย์ข้อมูลฯ ได้สำรวจที่ดินรอบเกาะภูเก็ตมาเป็นเวลานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2547 และในครั้งล่าสุดนี้ก็ได้มอบหมายให้นายสัญญา นาคบุตร ผู้จัดการสำนักงานภาคใต้ ของศูนย์ข้อมูลฯ และคณะ ออกทำการสำรวจราคาที่ดินรอบเกาะภูเก็ตอีกครั้งหนึ่ง ผลการศึกษามีข้อน่าสนใจมากดังนี้:
1. ราคาที่ดินที่แพงที่สุด ที่หาดป่าตอง มีราคาสูงสุดถึงไร่ละ 250 ล้านบาท หรือตารางวาละ 625,000 บาทซึ่งยังถูกกว่าที่สยามสแควร์-ชิดลม-เพลินจิตที่สูงถึง 2.2 ล้านบาทต่อตารางวา แต่อาจมีราคาเสนอขายถึงไร่ละ 400 ล้านบาท แต่ยังไม่ใช่ราคาที่จะสามารถพัฒนาได้จริง รองลงมาค่อนข้างต่ำกว่ามาก คือบริเวณชายหาดกะรน ไร่ละ 70 ล้านบาท และชายหาดกมลา และชายหาดกะตะ ไร่ละ 50 ล้านบาทเท่าๆ กัน
2. ราคาที่ดินที่ถูกที่สุดตามหาดต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ต อ่าวมะพร้าว และอ่าวสะปำ ที่มีมูลค่าเพียง 12 ล้านบาทต่อไร่ หรือตารางวาละ 30,000 บาทเท่านั้น ที่สูงขึ้นมาอีกหน่อยก็คือแถวอ่าวกุ้ง และอ่าวปอ ที่มีมูลค่าประมาณ 17 ล้านบาทต่อไร่หรือเท่ากับตารางวาลาะ 42,500 บาท การที่ราคาที่ดินในภูเก็ตมีราคาแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวถึงประมาณ 21 เท่า (เทียบระหว่างสูงสุดที่ป่าตอง 250 ล้านบาทต่อไร่ และต่ำสุดที่อ่าวมะพร้าวและอ่าวสะปำที่ 12 ล้านบาทต่อไร่)
3. ในรอบ 14 ปีที่ผ่านมา (2547-2561) ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือแถวอ่าวกุ้ง ราคาเพิ่มขึ้น 580% หรือเพิ่มขึ้นปีละ 15.9% รองลงมาก็คือแถวหาดป่าตอง ราคาเพิ่มขึ้น 525% หรือปีละ 15.1% รองลงมาคืออ่าวมะพร้าว ที่มีราคาไร่ละเพียง 12 ล้านบาท แต่มีอัตราเพิ่มในรอบ 14 ปีถึง 14.8%
4. ส่วนที่เพิ่มน้อยสุดได้แก่หาดกะรน หาดสุรินทร์ หาดราไวย์ หาดหิเหร่ และอ่าวสะปำ โดยราคาเพิ่มขึ้นเพียง 250% - 300% เท่านั้น หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 10.1% - 11.3% แต่ถึงกระนั้นก็อาจกล่าวได้ว่า ที่ดินติดทะเลของภูเก็ตราคาเพิ่มขึ้นอย่างน้อยอีกราว 3 เท่าตัวเลยทีเดียว นับว่าเพิ่มขึ้นสูงกว่าจังหวัดอื่น ๆ มาก เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สุดของประเทศไทย
5. สำหรับในรอบ 3 ปีล่าสุด (2558-2561) ซึ่งพึงจับตามองมากเป็นพิเศษก็คือ ราคาที่ดินแถวหาดกมลา หาดไม้ขาวและอ่าวมะขาม ราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 85%, 67% และ 67% ตามลำดับ หากประเมินการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเป็นรายปี ก็จะพบว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 18.6% - 22.8% เลยทีเดียว การเพิ่มขึ้นของราคาอย่างยิ่งยวดนี้ แสดงว่าพื้นที่เหล่านี้มีความน่าสนใจในการลงทุนมากเป็นพิเศษนั่นเอง
6. ในทางตรงกันข้าม พื้นที่ที่ราคาเพิ่มขึ้นน้อย ได้แก่แถวหาดราไวย์ หาดกะรน และหาดสิเหร่ โดยเพิ่มขึ้นเพียง 3.6%, 5.3% และ 5.6% ตามลำดับ พื้นที่เหล่านี้ราคาค่อนข้างนิ่งมาก แทบไม่มีการเคลื่อนไหวในรอบ 3 ปีล่าสุด แสดงว่าศักยภาพของพื้นที่หาดเหล่านี้อาจจะจำกัด หรืออิ่มตัวมากแล้วนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ดร.โสภณ กล่าวว่า ภูเก็ตนับเป็นจังหวัดที่มีความน่าสนใจลงทุนมากเป็นพิเศษ แต่หากเป็นการซื้อที่ดินไว้เก็งกำไร ก็อาจไม่สามารถทำได้ เพราะราคาที่ดินแกว่งมาก หากมีการลงทุนซื้อที่ดิน ก็ควรมีแผนในการพัฒนาเลย จะได้ไม่เสียโอกาสนั่นเอง