คนจีนมีคติความเชื่ออย่างหนึ่งคือ "ฮวงจุ้ย" ไม่ว่าจะเป็นทำเลการค้า มุมประตูบ้าน หรือแม้แต่สุสาน ล้วนก่อสร้างหรือจัดวางตามหลัก "ฮวงจุ้ย" ทั้งสิ้น
"ฮวงจุ้ย" ก็คล้ายกับคติฝรั่งที่ว่า ปัจจัยในการพิจารณามูลค่าหรือศักยภาพของทรัพย์สินคือ 1. location, 2. location และ 3. location ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า location (ทำเลที่ตั้ง) มีความสำคัญเป็นที่สุด คือเป็นอันดับแรก และถ้ามีอันดับสองหรือสามก็ยังคงเป็น location อยู่ดี
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดได้แก่ กรณีที่ดินสองแปลงมี "location" ต่างกัน คืออยู่คนละฝั่งถนน อาจทำให้ราคาต่างกันเกือบครึ่ง ทั้งนี้เพราะ แต่ละฝั่งอยู่ในเขตผังเมืองที่แตกต่างกัน เช่น แปลงหนึ่งตั้งอยู่ในเขตที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย สามารถสร้างอะไรได้หลายอย่าง ทำให้มีศักยภาพสูงกว่า ราคาที่ดินจึงแพงกว่าที่ดินอีกแปลงที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งอยู่ในเขตอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรมที่กำหนดให้สร้างได้แต่บ้านเดี่ยว และบ้านเดี่ยวก็เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินในระดับที่มีความเข้มข้นต่ำกว่า ราคาที่ดินจึงต่ำกว่านั่นเอง
ตัวอย่างการอธิบายอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ของ location หรือ "ฮวงจุ้ย" แบบฝรั่งก็คือ ความเสื่อมถอยเชิงเศรษฐกิจ (economic obsolescence) เช่น เมืองตาคลี นครสวรรค์ ในสมัยสงครามเวียดนามเมื่อ 40 ปีก่อน คึกคักมาก แต่พอสิ้นสงคราม อเมริกันกลับหมด อะไร ๆ ก็ฝ่อลง มูลค่าทรัพย์สินก็ตกต่ำลง
ยังมีตัวอย่างอื่นอีกเช่น ที่ดินตั้งอยู่ใกล้กองขยะ (ส่งกลิ่นรบกวน), ตึกแถวบริเวณสี่แยกที่เคยรุ่งเรืองแต่ตอนนี้มีสะพานลอยบดบัง/พาดผ่าน, เมืองชายแดนที่มีปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศ (เช่น ยามมีความขัดแย้ง / ปิดด่าน ทำให้การค้าย่ำแย่), หรือเขตใจกลางเมืองดั้งเดิม (เช่น เยาวราชที่เสื่อมถอย/แทนที่โดยสีลม) เป็นต้น
การเฟื่องฟูและถดถอยของบริเวณหนึ่ง ๆ พาจาตามภาษา "ฮวงจุ้ย" อาจเรียกว่าเป็นการที่มังกรเคลื่อนตัวจากที่หนึ่งไปสู่ที่หนึ่ง โดยที่ที่มังกรอยู่ย่อมจะมีความรุ่งเรือง (ว่าไปนั่น)
จะสังเกตได้ว่า การด้อยค่าลงของทรัพย์สินในกรณีนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมถอยทางกายภาพหรือความล้าสมัยในการใช้สอยตัวทรัพย์สินเลย แต่ขึ้นอยู่กับภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคม ที่อยู่นอกเหนือตัวทรัพย์สินเป็นสำคัญ
สำหรับฮวงจุ้ยของจีน อาจไม่สามารถอธิบายได้ง่าย ๆ (ตื้น ๆ) บางครั้งจึงอาจดูเป็น "พิธีกรรม" หรือ "ไสยศาสตร์" ไป และเมื่ออธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ได้ยาก บางท่านจึงอาจดักคอหรือปรามว่า "ไม่เชื่อ / อย่าลบหลู่"
แต่ในอีกแง่หนึ่ง คนเราก็พึงสังวรว่า "ไม่รู้/ อย่างมงาย" คืออย่าสักแต่เชื่อ เพราะบางคนถือคติ "ฮวงจุ้ย" มากจนออกไปทาง "งมงาย"
คนจีนส่วนมากแม้เชื่อเรื่อง "ฮวงจุ้ย" แต่ก็มีข้อพึงสังวรเพื่อป้องกันไม่ให้งมงาย ดังตัวอักษรจีนที่พาดหัวไว้แต่แรก ตัวหนังสือจีนดังกล่าว อ่านว่า "เอ๊กเต็ก หยี่เห็ง ซาฮวงจุ้ย" (สุภาษิต สำนวนจีนแต้จิ๋ว)
นี่เป็นคติเตือนใจว่า (ความสำเร็จของคนเรานั้นขึ้นอยู่กับ)... 1. เต็ก, 2.เห็ง และ 3.ฮวงจุ้ย โดยทั่วไป "เต็ก" และ "เห็ง" มักใช้คู่กัน เป็น "เต็ก-เห็ง" หมายถึง "คุณธรรมและกรรมดีที่ประกอบออกมา" ถือเป็น "ชะตากรรม" หรือ Destiny ที่ใช่ว่ากำหนดโดยใคร อยู่ที่เราทำตัวเราเองด้วย การเรียงลำดับ 1, 2 และ 3 นี้ เพื่อให้ผู้คนได้ตระหนักว่า "ฮวงจุ้ย" นั้นมาอันดับสาม ไม่ใช่อันดับหนึ่ง ไม่ใช่อันดับสอง ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้คนงมงาย ฝักใฝ่ในการเชื่อ "ฮวงจุ้ย" แต่ให้ยกย่องคุณธรรม-น้ำใจของคนเรามากกว่า
ต่อไปนี้เป็นกรณีศึกษาฮวงจุ้ยทางสามแพร่งและการตีมูลค่า ซึ่งที่ดินทำนองนี้มักจะมีมูลค่าต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป เพราะการใช้สอยที่จำกัดกว่านั่นเอง สำหรับแนวทางการตีค่าทรัพย์สินก็มาจากการสำรวจตลาด ก็จะทำให้เห็นได้ว่าราคาต่ำกว่ากันเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามในบางกรณีอาจมีราคาที่พอ ๆ กัน แต่ระยะเวลาการรับรู้รายได้อาจแตกต่างกัน กล่าวคือ แปลงอื่นๆ ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ตรงทางแยกอาจขายได้ในเวลาเฉลี่ย 3 เดือน แต่แปลงตรงทางแยกอาจต้องใช้เวลานานกว่าเช่น 20 เดือน เพราะอุปสงค์มีจำกัด ดังนั้นการรับรู้มูลค่าจึงช้ากว่า 17 เดือน หากสมมติให้เดือนหนึ่งมีอัตราดอกเบี้ย 1% ก็เท่ากับมูลค่าลดลงไป 15.6%
= 1 หาร (1+ ดอกเบี้ย) ยกกำลัง เดือน
= 1 / (1 + i) ^ n
= 1/ (1.01^17)
= 0.844 หรือ 84.4%
= ลดราคาลง 15.6% นั่นเอง
อย่างไรก็ตามหากเป็นอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน ป้ายโฆษณา การที่ตั้งอยู่บริเวณสามแยกเช่นนี้ อาจกลายเป็นทำเลโดดเด่น มองเห็นได้ชัดเจนกว่า ทำให้มูลค่าเพิ่มมากกว่าได้นั่นเอง
การให้ยึดหลักความดี แทนความงมงายนั้น ท่านพุทธทาส ยังได้กล่าวไว้ ผมจึงใคร่ขอยกมาเพื่อเป็นมงคลแก่ทุกท่านดังนี้:
กรรมดี ดีกว่ามงคล สืบสร้าง กุศล ดีกว่า นั่งเคล้า ของขลัง
พระเครื่อง ตะกรุด อุทกัง ปลุกเสก แสนฉมัง คาดมั่ง แขวนมั่ง รังรุง
ขี้ขลาด หวาดกลัว หัวยุ่ง กิเลส เต็มพุง มงคล อะไร ได้คุ้ม
อันธพาล ซื้อหา มาคุม เป็นเรื่อง อุทลุม นอนตาย ก่ายเครื่อง รางกอง
ธรรมะ ต่างหาก เป็นของ เป็นเครื่อง คุ้มครอง เพราะว่า เป็นพระ องค์จริง
มีธรรม ฤามี ใครยิง ไร้ธรรม ผีสิง ไม่ยิง ก็ตาย เกินตาย
เหตุนั้น เราท่าน หญิงชาย เร่งขวน เร่งขวาย หาธรรม มาเป็น มงคล
กระทั่ง บรรลุ มรรคผล หมดตัว หมดตน พ้นจาก เกิด แก่ เจ็บ ตาย
บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ใจกาย อุปัทวะ ทั้งหลาย ไม่พ้อง ไม่พาน สถานใด
เหนือโลก เหนือกรรม อำไพ กิเลสา- สวะไหน ไม่อาจ ย่ำยี บีฑา ฯ