ตามที่มีข่าว 'รสนา' และ 'ศรีสุวรรณ' ออกมาต้านการใช้ที่มักกะสันทำศูนย์คมนาคม ดร.โสภณ ออกมาเชียร์รัฐบาลเอาที่มักกะสันมาทำศูนย์คมนาคม
เมื่อเร็วๆ นี้ น.ส.รสนา โตสิตระกูล และนายศรีสุวรรณ จรรยา ออกมาค้านเรื่อง "ทีโออาร์โครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน มีการฮุบที่ดินกว่า 140 ไร่ บริเวณมักกะสันของ รฟท.เข้าไปรวมอยู่ในโครงการฯด้วยนั้น ถือว่าส่อไปในทางทุจริต กรณีทรัพย์สินของรัฐไปเอื้อประโยชน์ให้เอกชน" (https://bit.ly/2M3sE4j และ https://bit.ly/2njfrp6) ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ให้ความเห็นว่าการก่อสร้างโครงการฯ จำเป็นต้องใช้ที่ดินมักกะสัน
สิ่งที่รัฐบาลพึงดำเนินการต่อที่ดินนี้โดยไม่ใช้เงินภาษีอากรของประชาชนก็คือ การให้เอกชนประมูลที่ดินแปลงนี้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ โดยนำที่ดิน 60% มาสร้างเป็นศูนย์ธุรกิจใจกลางเมือง (ที่เหลือ 40% เป็นสวนและสาธารณูปโภค) ในการนี้สามารถนำมาสร้างอาคารใหญ่ขนาดธนาคารกรุงเทพ ที่สีลม ขนาด 8 ไร่ ได้ถึง 37 อาคาร เอาวิสาหกิจใหญ่มาอยู่รวมกันเพื่อประสิทธิภาพการใช้ที่ดิน
การเกิดศูนย์ธุรกิจใจกลางเมืองเช่นนี้ทำให้เมืองไม่ขยายตัวออกไปอย่างไร้ขอบเขต ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ทางด่วน ถนน ระบบขนส่งมวลชน ฯลฯ ก็ไม่ต้องตามออกไปอย่างไร้ทิศผิดทาง พื้นที่สีเขียว-เกษตกรรมก็จะไม่ถูกบุกรุกทำลายอีกต่อไป นี่คือหลักการวางผังเมืองสมัยใหม่ที่เน้นการใช้ที่ดินอย่างหนาแน่น (High Density) แต่ไม่แออัด (Overcrowdedness) และเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืนกว่าการทำสวน
ยิ่งกว่านั้น หากพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย โดยกำหนดให้มีสัดส่วนพื้นที่ก่อสร้างต่อขนาดที่ดินแค่ 6 เท่า จะมีพื้นที่ก่อสร้างถึง 4,704,000 ตารางเมตร และหากมีพื้นที่ใช้สอย 70% ใช้เป็นห้องชุดมาตรฐานของการเคหะแห่งชาติที่ 32 ตารางเมตร จะสร้างห้องชุดได้ถึง 102,900 หน่วย จะกลายเป็นเมืองขนาดย่อมสำหรับประชาชนเกือบครึ่งล้านคน ได้อยู่อาศัยโดยไม่ต้องออกไปอยู่นอกเมือง ไม่สิ้นเปลืองทรัพยากร
โดยสรุป ในภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบากนี้ รัฐบาลควรใช้เงินอย่างมีคุณค่าและให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน พึงนำที่ดินมักกะสันนี้ไปพัฒนาในเชิงพาณิชย์ ให้ภาคเอกชนมากราย มาร่วมกันสร้างศูนย์ธุรกิจ ศูนย์ที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง นำเงินมาพัฒนาการรถไฟฯ เพื่อคนทั้งประเทศโดยไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน การพัฒนาที่นำเสนอนี้จะให้ผลตอบแทนที่ดีทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม เมืองก็จะไม่ขยายตัวอย่างไม่สิ้นสุด ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและพื้นที่เกษตรกรรมนอกเมือง และยังเหลือที่ดินอีก 40% ไปทำสวนและสาธารณูปโภคอื่น ทั้งนี้รัฐบาลสามารถดำเนินการอย่างโปร่งใส ปลอดจากการทุจริตได้
(ส่วนหนึ่งของจดหมายถึงนายกฯ ของ ดร.โสภณ https://bit.ly/2MbOH83)