บ้านรอขายที่อยู่ในมือของผู้ประกดอบการมีอยู่ 180,635 หน่วย รวมมูลค่าสูงถึง 768,454 ล้านบาท เฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่เป็นบ้านราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท ยังมีอีก 15,114 หน่วย รัฐบาลเลิกคิดสร้าง "บ้านประชารัฐ" ให้เปลืองงบฯ ภาคเอกชนเขาทำได้อยู่แล้ว เอางบฯ ไปพัฒนาประเทศทางอื่นดีกว่า คาดทั่วประเทศมีอีกเกือบเท่าตัว
ดร. โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) แถลงว่า ณ กลางปี 2561 ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีบ้านรอขายซึ่งเป็นทั้งบ้านแนวราวและห้องชุดที่อยู่ในมือของผู้ประกอบการถึง 180,635 หน่วย รวมมูลค่าสูงถึง 768,454 ล้านบาท เฉลี่ยหน่วยละ 4.199 ล้านบาท บ้านเหล่านี้ไม่ใช่ขายไม่ออก เพียงแต่ ณ วันสำรวจ ยังไม่พบกับผู้ซื้อเท่านั้น
หากบ้านเหล่านี้มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 3 คนต่อหน่วย ก็เท่ากับสามารถรองรับประชาชนได้ถึง 541,905 คน หรือ 0.8% ของประชากรไทยเลยทีเดียว ดร.โสภณ คาดว่า จำนวนบ้านรอขายทั่วประเทศโดยเมื่อรวมกับต่างจังหวัดด้วยน่าจะมีจำนวนประมาณ 343,207 หน่วย รวมมูลค่าประมาณ 1.05 ล้านล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 3.059 ล้านบาท รองรับประชากรเฉลี่ยครัวเรือนละ 3.2 คน ได้ประมาณ 1,098,262 คนหรือ 1.6% ของจำนวนประชากรไทย
ในจำนวน 180,635 หน่วยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังมีห้องชุดราคาไม่เกิน 0.5 ล้านบาท 555 หน่วยรอขายอยู่ ส่วนราคา 0.51-1.0 ล้านบาท มี 4,393 หน่วย โดยส่วนมากเป็นห้องชุดถึง 3,649 หน่วย ยิ่งกว่านั้นยังมีบ้านราคา 1.01-1.5 ล้านบาทจำนวน 10,166 หน่วย ทั้งนี้เป็นห้องชุด 7,248 หน่วย เป็นทาวน์เฮาส์ 2,793 หน่วย นอกนั้นเป็นอื่นๆ
โดยรวมแล้ว สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทนั้น มี 15,114 หน่วย โดยแยกเป็นบ้านแฝด 66 หน่วย เป็นทาวน์เฮาส์ 3,505 หน่วย เป็นตึกแถว 16 หน่วย ส่วนใหญ่เป็นห้องชุด 11,452 หน่วย และยังมีที่ดินจัดสรรอีก 75 แปลง ดังนั้นจากจำนวนเท่านี้ ซึ่งคาดว่าแต่ละหน่วยของที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทนี้ มีผู้อยู่อาศัยเฉลี่ย 3.5 คน ดังนั้นจึงสามารถรองรับประชาชนได้ถึง 52,899 คนเลยทีเดียว
โดยนัยนี้รัฐบาลจึงไม่ควรสร้างบ้านประชารัฐ เพราะในตลาดปัจจุบันภาคเอกชนก็สามารถสร้างบ้านให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย หรือรายได้ปานกลางค่อนข้างน้อยได้อยู่แล้ว ควรนำงบประมาณไปพัฒนาประเทศในทางอื่นมากกว่านั่นเอง