ผมไปอเมริกามา เลยขอเล่าถึงความพอเพียงของผม ผมไม่ได้ ‘ยกหาง’ ตัวเอง ไม่อายที่จะเป็นแบบนี้ และขอเย้ยเหล่า ‘อำมาตย์’ ที่มักอยู่สบายบนภาษีประชาชน
ในระหว่างวันที่ 22-30 กันยายน 2561 ผมในฐานะประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งเป็นของเอกชน ได้เดินทางไปนครมินนีแอโพลิสเพื่อบรรยายเกี่ยวกับการประเมินค่าทรัพย์สิน ในงานประชุมประจำปีของ International Association of Assessing Officers (IAAO) ผมไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนานาชาติจริงๆ ไม่ได้ไปเที่ยวหรือไปช็อปปิ้งเป็นสำคัญ
ผมเริ่มต้นความพอเพียงของผมด้วยการจัดกระเป๋าใบเล็กๆ ที่เน้นเอาเสื้อผ้าไปแต่น้อย เน้นซักเอา ผมยังเริ่นต้นวางแผนเลือกสายการบินที่ถูก รู้สึกปลอดภัย และใช้เวลาสั้นที่สุด แน่นอนว่าผมไม่ใช้การบินไทยแน่นอน นี่ถ้าการบินไทยไม่ได้ข้าราชการอุดหนุน ป่านนี้คงเจ๊งไปนานแล้ว ข้าราชการระดับสูงๆ ยังได้บินชั้นธุรกิจที่มีราคาแพงกว่าปกตินับเท่าตัว บินบ่อยๆ ยังได้บัตรทองสบายๆ อีกหลายหลาก
แม้ผมจะเลือกสายการบินถูกๆ แต่โดยที่ไปนครเล็กๆ ก็ต้องต่อเครื่องบินนานหน่อย ผมไปถึงลอสแองเจลิสในเวลา 4 ทุ่ม แต่กว่าจะบินต่อไปมินนีแอโปลิส ก็หกโมงเช้า ถ้าเป็นข้าราชการก็คงหาโรงแรมหรูนอน หรือถ้าเป็นคนทั่วไปหรือผมพาครอบครัวไปด้วย ก็คงไม่ให้พวกเขาลำบาก แต่ครั้งนี้ผมไปคนเดียวก็จึงนั่งหลับรอขึ้นเครื่องบินแทน ฝรั่งทั้งคนหนุ่มสาวและคนแก่หลายคนก็ทำแบบผม
เมื่อถึงนครมินนีแอโปลิส ผมก็นั่งรถไฟไปที่พักโดยใช้เงินแค่ 2 ดอลลาร์หรือ 70 บาท แทนที่จะนั่งแท็กซี่ไป 30 เหรียญหรือ 1,000 บาท โรงแรมที่ตั้งอยู่ใกล้งานประชุมเป็นโรงแรมอย่างดีคืนละ 7,000 บาท แต่ผมจองโดยใช้ Airbnb ซึ่งเป็นห้องในบ้านหลังหนึ่ง สนนราคาก็คืนละ 1,600 บาท ผมนอนอยู่ 5 คืนก็พอๆ กับโรงแรมหรูคืนเดียว. นี่ถ้าผมรับราชการได้เป็นข้าราชการระดับค่อนข้างสูง ก็ได้นอนสบายๆ ไปแล้ว แถมคงมีลูกน้องแห่แหนมานับอย่างที่เราเห็นจนชินตา
ในระหว่างอยู่ที่นั่น วันแรกผมก็เดินไปประชุม ใช้เวลา 20 นาที ระยะทางแค่ 2 กิโลเมตร แต่ระยะเดินทั่วไปก็คือ 500 เมตร อย่างไรก็ตามโดยที่อากาศดี ไร้ฝุ่น แม้จะหนาวหน่อย ผมซึ่งมีไขมันค่อนข้างมากก็ทนได้ เส้นทางเดินก็ปลอดภัย ไม่โดนดักจี้ปล้นแน่นอน แต่ตั้งแต่วันที่สอง เจ้าของบ้านก็ใจดีให้ยืมจักรยาน ผมเลยขี่ไปกลับวันละสองรอบ ทานกลางวันเสร็จก็กลับมางีบสักพัก
ผมใช้บริการอูเบอร์ 2 ครั้ง ทั้งที่อยู่เมืองไทยไม่เคยใช้เลย ผมให้เลขาฯ โหลดโปรแกรมให้ โดยๆ.ครั้งแรกใช้ตอนฝนตก ขี่จักยานไปไม่ได้ ก็เสียเงินไปราว 8 ดอลลาร์ (270 บาท) ส่วนเช้ามืดวันเดินทางกลับไปสนามบิน ก็เสียแค่ 20 ดอลลาร์ (700 บาท) ถูกกว่าแท็กซี่ที่คิด 1,000 บาทเสียอีก ผมไปอยู่อเมริกาใช้เงินน้อยกว่าอยู่กรุงเทพฯ เสียอีก เพราะเขาเลี้ยงดูแทบทุกมื้อ มื้อไหนไม่เลี้ยงก็อดเอา เผื่อน้ำหนักจะลดสักขีดสองขีด!
ความพอเพียงนั้นไม่จำเป็นต้องทำขนาดผมก็ได้ ผมเองก็อยากทดสอบดูว่าสภาพทางกายภาพของผมยังสู้ไหวไหมด้วยเช่นกัน แต่ในอีกด้านหนึ่งผมก็อยากชี้ให้เห็นว่าข้าราชการไทยไปต่างประเทศแบบฟุ่มเฟือยไปไหม แต่ก็เป็นธรรมดามานานเข้าตำรา “สิบพ่อค้า ไม่เท่าหนึ่งพระยาเลี้ยง” แต่ในยุคสมัยใหม่ ข้าราชการพึงรับใช้ประชาชน ไม่ใช่เป็น “อำมาตย์” แบบนี้ ข้าราชการควรนั่งชั้นประหยัดแบบประชาชนทั่วไป ไม่ต้องถึงชั้นโลว์คอสท์ ถ้าใครอยากนั่นชั้นธุรกิจหรือชั้นหนึ่งหรือเหมาลำ ก็ควรส่วนต่างเอง ไม่ใช่มาเอาเปรียบประชาชน นอนก็ควรนอนโรงแรมปกติ ไม่ใช่หรือหรูเลิศ
ที่ผ่านมาข้าราชการเอาเปรียบประชาชนมากขึ้นไป นี่ยังไม่รวมถึงค่ารักษาพยาบาลข้าราชการซึ่งมีมูลค่ามากกว่าบัตรทองของประชาชนทั้งประเทศเสียอีก ก็นับว่ามหาศาลแล้ว และนี่ยังไม่รวมการฉ้อราษฎร์บังหลวงอีกมากมายในสังคมนี้ อันที่จริงถ้าใครไม่อยากทำราชการที่ไม่เอาเปรียบประชาชนก็ควรลาออกไป ไม่ใช่เกาะเป็นกาฝาก ผมเชื่อว่ายังมีคนอีกมากที่อยากรับราชการเพื่อสร้างประโยชน์แก่แผ่นดินโดยไม่เอาเปรียบประชาชนมากมายเช่นนี้
อันที่จริงผมไม่ควรพูดเรื่องนี้เพราะอาจจะทำให้อดลาภยศสรรเสริญที่จะได้จากระบบราชการ หรืออาจได้รับโอษฐภัยถึงชีวิต ทบางทีการเป็นสวะลอยน้ำก็อาจดีเหมือนกัน แต่ผมละอายใจที่จะประสบความสำเร็จอย่างน่าละอายเช่นนั้นและพร้อมรับการถูกกันแกล้งต่างๆ นานา
เพื่อชาติ ต้องยอมแลก!