เมื่อวันเช้าวันพุธที่ 10 ตุลาคม 2561 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้พาคณะนักพัฒนาที่ดินทั้งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์และบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนผู้บริหารสถาบันการเงิน และวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์อื่น เดินทางไปดูงานอสังหาริมทรัพย์ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และเพื่อเป็นสิริมงคล จึงพาไปไหว้พระที่วัดเซ็นโซ
ตามข้อมูลใน Wikipedia วัดเซ็นโซ (https://bit.ly/2RBr9JE) (ญี่ปุ่น: 浅草寺 Sensō-ji) หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดอาซากูซะ เป็นวัดพุทธในย่านอาซากูซะ แขวงไทโต โตเกียว เป็นวัดที่เก่าแก่และมีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว สถานที่ดั้งเดิมถูกระเบิดเผาทำลายไปเกือบหมดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัววัดปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด แรกเริ่มเคยเป็นวัดในสายเท็นได ต่อมาได้แยกเป็นอิสระหลังสงครามโลกครั้งที่สอง บริเวณติดกับวัดเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอาซากูซะ ซึ่งเป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต
วัดเซ็นโซเป็นสถานที่จัดเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในโตเกียว เทศกาลมีระยะเวลา 3-4 วัน ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างนี้ถนนใกล้เคียงจะปิดการจราจรตั้งแต่เช้าจนถึงหัวค่ำ
ที่ทางเข้าวัดมีประตูขนาดใหญ่ เรียกว่า ประตูคามินาริ (Kaminari-mon) หรือ "ประตูอสุนี" บนคานประตูแขวนโคมกระดาษขนาดใหญ่มีความสูงกว่า 5.5 เมตร ที่มีรูปสายฟ้าและเมฆเขียนด้วยสีดำและแดง ในบริเวณวัดเป็นที่ตั้งของเจดีย์ 5 ชั้น และอาคารหลักที่เป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์คันนง (Kannon Bosatsu)
ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติจำนวนมาก เดินทางมาเยี่ยมชมวัดเซ็นโซ บริเวณรอบๆวัดจึงมีร้านค้าขายสินค้าและอาหารพื้นเมืองญี่ปุ่นมาวางขายจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ถนนนากามิเสะ ซึ่งทอดยาวตั้งแต่ประตูสายฟ้าไปจนถึงบริเวณวัด สองข้างถนนเต็มไปด้วยร้านค้าเล็ก ๆ ขายของที่ระลึกต่าง ๆ เช่น พัด ภาพวาดแผ่นไม้ ชุดกิโมโน เสื้อคลุมแบบต่าง ๆ ม้วนภาพเขียน ขนมหวานพื้นเมือง ไปจนถึงหุ่นยนต์ของเล่น เสื้อยืด หรือของประดับโทรศัพท์มือถือ
ตู้บริจาคใบโต ไกด์แนะนำว่าให้โยนเหรียญบริจาคลงไป และควรจะบริจาคเป็นเหรียญที่มีเลข 5 ทั้ง 5 เยน 50 เยน หรือ 500 เยน ซึ่งให้ความหมายที่ว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง [1] ในบริเวณวัดยังมีสวนที่เงียบสงบ ซึ่งได้รับการดูแลรักษาให้เป็นสวนแบบญี่ปุ่นไว้ได้อย่างดี
วัดเซ็นโซ นี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาพระโพธิสัตว์คันนง ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ประมาณปี ค.ศ. 628 มีชาวประมง 2 พี่น้อง ชื่อว่า ฮิโนกูมะ ฮามานาริ และฮิโนกูมะ ทาเกนาริ ทุกวันจะออกหาปลาที่แม่น้ำซูมิดะ มีอยู่วันหนึ่ง วันนั้นทั้งวันจับปลาไม่ได้สักตัว จึงอธิษฐานขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้จับปลาได้สักตัว เพื่อกลับไปทานเป็นอาหารเย็น พอเหวี่ยงแหออกไป สิ่งที่ติดแหขึ้นมา กลับเป็นพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมทองคำ สูง 5 นิ้ว จึงนำไปให้หัวหน้าหมู่บ้านของทั้งสองชื่อว่า ฮาจิโนะ นากาโมโตะ หัวหน้าหมู่บ้านได้ตระหนักถึงความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าแม่กวนอิม จึงได้เปลี่ยนแปลงบ้านของตนในอาซากูซะให้กลายเป็นวัดขนาดเล็ก เป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์ เพื่อให้คนในหมู่บ้านมากราบไหว้บูชา ทั้งชาวบ้านและเหล่าซามูไรมักจะเดินทางมาขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมเป็นประจำ และสิ่งที่ขอพรไปนั้นก็มักจะสมปรารถนาอยู่เสมอ ๆ ทำให้ชาวบ้านและเหล่าซามูไรมีความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก ชื่อเสียงในความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าแม่กวนอิมนี้ ได้แพร่กระจายไปทั่วญี่ปุ่น มีคนจากทั่วสารทิศเดินทางมาวัดอาซากูซะเพื่อสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิม จนล่ำลือไปถึงท่านโชกุน ท่านโชกุนจึงได้ให้มีการสร้างอาคารหลังใหญ่ขึ้นในปี ค.ศ. 645 และต่อเติมส่วนต่าง ๆ เรื่อยมาอย่างที่เห็นในปัจจุบันนั้น
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ปี ค.ศ. 1945 อาคารส่วนใหญ่ของวัดอาซากูซะ ได้รับความเสียหายจากการถูกทิ้งระเบิด และถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในภายหลัง ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่และความสงบสุขให้กับคนญี่ปุ่น
จากข้อมูล Wikipedia https://bit.ly/2RBr9JE