เมื่อเร็วๆ นี้กีวีหรือนิวซีแลนด์ ห้ามต่างชาติซื้อบ้านอีกต่อไป สิงคโปร์ให้ซื้อได้แต่ต้องจ่ายภาษี 30% ส่วนเขมร ไร้ขีดจำกัด ใครฉลาดกว่ากัน
นิวซีแลนด์ห้ามต่างชาติซื้อบ้าน
ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2561 นายกรัฐมนตรีหญิงของนิวซีแลนด์ นางจาซินดา อาร์เดิร์น ได้ผ่านกฏหมายห้ามชาวต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศนิวซีแลนด์อีกต่อไป เพราะที่ผ่านมา ชาวต่างชาติซื้อไว้มาก เช่น ราว 3% ของที่อยู่อาศัยในนิวซีแลนด์เป็นของชาวต่างชาติ ในนครควีนส์ทาวน์ ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศทางเกาะใต้ ก็มีชาวต่างชาติซื้อบ้านไว้ราว 5% โดยเฉพาะที่นครโอ๊กแลนด์ ปรากฏว่า 22% ของที่อยู่อาศัยเป็นของชาวต่างชาติ (https://cnb.cx/2woKUer) ทั้งนี้เป็นตามที่นางได้หาเสียงไว้เมื่อปีที่แล้วว่าจะนำมาตรการนี้มาใช้
ข้อห้ามต่างชาติซื้อบ้านในนิวซีแลนด์นี้ ก็มีข้อยกเว้นบางประการ โดยเฉพาะชาวออสเตรเลียและชาวสิงคโปร์ที่ได้รับสถานะเป็นผู้อยู่อาศัยในนิวซีแลนด์ ยังสามารถซื้อบ้านในนิวซีแลนด์ได้ต่อไปเพราะทั้งสองประเทศมีข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกันอยู่ แต่ผู้ซื้อรายใหญ่ เช่น จีน หรือสหรัฐอเมริกา จะไม่สามารถซื้อบ้านได้อีกต่อไป ทำให้การซื้อขายบ้านจะลดลง ราคาบ้านจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นแต่ก่อน ผลประโยบชน์ก็จะตกแก่ประชาชนคนนิวซีแลนด์ ที่ไม่ต้องทนซื้อบ้านในราคาสูงที่ไปแข่งกับชาวต่างชาติที่มาแย่งซื้อนั่นเอง
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ International Monetary Fund (IMF) ก็ออกโรงมาเตือนว่าการกระทำของรัฐบาลนิวซีแลนด์นี้ จะทำให้การลงทุนต่างชาติลดน้องลง แต่นิวซีแลนด์ก็ไม่เห็นต่างชาติเป็น "พ่อ" ก็เลยไม่ได้ทำตาม อันที่จริงการลงทุนของต่างชาตินั้นเราควรเน้นในด้านอุตสาหกรรม เกษตรกรรม หรือภาคที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่ในภาคที่อยู่อาศัย ซึ่งหากพวกต่างชาติมาลงทุนมากก็เท่ากับเป็นแบบ "แร้งลง" ก็เท่านั้น ไม่ได้สร้างสรรค์อะไร
สิงคโปร์เก็บภาษีหฤโหด
ตั้งแต่ 6 กรกฎาคม 2561 ต่างชาติที่เข้าไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ ต้องเสียภาษีอย่างหนัก บุคคลธรรมดาที่เป็นคนต่างชาติต้องเสียภาษีเมื่อซื้อจากเดิม 15% มาเป็น 20% แล้ว แต่ถ้าเป็นบริษัทต่างชาติต้องเสียถึง 25% และบริษัทพัฒนาที่ดินที่ขายทรัพย์ให้ต่างชาติ ก็ต้องเสียภาษีอีก 5% ด้วยเช่นกัน รวมแล้วเป็น 30% มาตรการนี้เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้ต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์มากเกินไป ป้องกันไม่ให้ต่างชาติมาครอบงำประเทศสิงคโปร์ เพราะรัฐบาลเขาสำนึกในการช่วยเหลือชาวสิงคโปร์ หรือถือประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งนั่นเอง (https://bloom.bg/2u8I3Ez)
อันที่จริงอาจกล่าวได้ว่า สิงคโปร์ห้ามต่างชาติซื้อบ้านในสิงคโปร์ก็ว่าได้ เพราะที่อยู่อาศัยถึงราว 80%-85% เป็นอาคารชุดที่การเคหะแห่งชาติสิงคโปร์ (Housing Development Board) สร้างขึ้นเรียกว่า HDB Flat ที่อยู่อาศัยประเภทนี้อยู่ในข่ายห้ามต่างชาติซื้อ ที่ต่างชาติซื้อก็มีแค่ 15-20% ของที่อยู่อาศัยที่ภาคเอกชนสร้างขึ้นเท่านั้น ที่อยู่อาศัยที่เอกชนสร้างนั้น ก็สร้างบนที่ดินที่ "เซ้ง" สิทธิจากรัฐบาลสิงคโปร์เป็นหลัก ใช่ว่าจะสามารถซื้อได้ทั้งที่ทั้งตึกทั้งหมด
ประเทศที่คิดเพื่อชาติและประชาชนต้องเป็นเยี่ยงสิงคโปร์ ในขณะที่ไทยเราปล่อยให้ต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยไม่ต้องเสียภาษีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ในเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ก็ยังอนุญาตให้ต่างชาติสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยไม่ต้องเสียภาษี เราเพียงต้องการให้เศรษฐกิจดูเฟื่องฟู เพื่อความมั่นคงทางการเมืองระยะสั้น เพื่อผลประโยชน์ของพวกนายทุนขุนศึกระยะสั้น โดยไม่นำพาผลประโยชน์ระยะยาวของประชาชนหรือไม่
กัมพูชาอ้าแขนรับต่างชาติ
ในทางตรงกันข้าม กัมพูชาอ้าแขนรับนักลงทุนต่างชาติเต็มที่ ตามกฎหมายของกัมพูชา (https://bit.ly/2wCBNX5) ต่างชาติไม่สามารถซื้อที่ดินได้ แต่สามารถเช่าได้ ห้องชุดก็สามารถซื้อได้ ปรากฏว่ามีคนต่างชาติไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์กันมาก โดยเฉพาะ เกาหลีใต้ และจีน ประมาณกันว่า ที่อยู่อาศัยในกรุงพนมเปญราวหนึ่งในสามพัฒนาขึ้นโดยบริษัทพัฒนาที่ดินจากประเทศจีน
กระแสจีนรุนแรงมากในกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาก็คล้ายไทยที่ระเบียบข้อบังคับอาจจะหละหลวม หรือมีการผ่อนปรนมากเป็นพิเศษ คนต่างชาติสามารถขอสัญชาติเป็นชาวกัมพูชาได้ค่อนข้างง่าย ทำให้สามารถถือครองอสังหาริมทรัพย์ได้มากมาย ราคาที่ดินในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น 100 เท่าในรอบ 40 ปีที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่าในกัมพูชา เพิ่มขึ้นถึง 1,000 เท่าในบางบริเวณเพราะแต่เดิม บางพื้นที่แทบไม่มีราคาเลย
ไทยจะเอาแบบไหน
อาจกล่าวได้ว่า สิงคโปร์คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์เฉพาะหน้าของนักพัฒนาที่ดินหรือนายหน้าอสังหาริมทรัพย์เป็นสำคัญ รัฐบาลนิวซีแลนด์ที่ผ่านกฎหมายห้ามต่างชาติซื้อบ้านในนิวซีแลนด์อีกต่อไปนั้น เขาไม่ได้เห็นต่างชาติเป็น "พ่อ" อันที่จริงประเทศหมู่เกาะในแปซิฟิกใต้หลายประเทศก็กำลังทบทวนนโยบายที่เคยให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็นการครองงำประเทศในระยะยาวโดยเฉพาะประเทศจีน
การที่ไทยและกัมพูชาพยายามให้ต่างชาติมาลงทุนมาก ๆ ส่วนหนึ่งคงหวังให้ต่างชาติมากระตุ้นให้เศรษฐกิจแลดูดีขึ้นเพื่อรักษาเก้าอี้ตัวเอง! แต่มาตรการต่าง ๆ ของไทยนั้นไม่ได้เน้นที่การกระจายรายได้ การลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างงาน การส่งเสริมสินค้าเกษตรกร การไม่มีการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร ฯลฯ จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ "รวยกระจุก จนกระจาย" ไม่สามารถ "ซื้อใจ" ประชาชนได้อยู่ดี และอาจทำให้ประเทศชาติแย่ลง
อันที่จริงผู้บริหารทุกประเทศก็ล้วนชาญฉลาดทั้งนั้น แต่จะฉลาดเพื่อตัวเองหรือเพื่อชาติเท่านั้น