ผมขอวิพากษ์อีอีซีในอีกแง่มุมหนึ่ง คนไทยอย่าได้คิดฝันหวานว่าจะดี ภัยร้ายกำลังคืบคลานเข้ามาเพราะอีอีซีต่างหาก
ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะว้นออกหรือ Easter Economic Corridor (EEC) เป็นความหวังสำคัญของทางราชการที่จะพัฒนาให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น แต่ความจริงอาจไม่เป็นเช่นว่า เป็นแค่การโปรยยาหอม ทำไมเป็นเช่นนั้น มาลองดูแง่มุมในทางตรงกันข้าม จากการวิพาษ์การนำเสนอของคณะผู้บริหารประเทศที่มานำเสนอในการสัมมนาเรื่องอีอีซีที่ นสพ.กรุงเทพธุรกิจจัดขึ้นเมื่อวานนี้ (15 พฤศจิกายน 2561)
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่าที่ผ่านมาประเทศไทยไม่น่าสนใจลงทุน และมีขนาดเล็กๆ ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (กัมพูชา เมียนมา ลาว เวียดนาม และไทย) ก็มีขนาดไม่ใหญ่โตเช่นกัน จึงจะเน้นการพัฒนาร่วมกับประเทศกลุ่มนี้และอาจรวมถึงบังคลาเทศด้วย การพูดอย่างนี้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะประเทศอื่นๆ มีคนไปลงทุนมากมาย เขาไม่ได้ต้องการเรา เศรษฐกิจไทยเติบโตเป็นอันดับ 8 ในอาเซียน (ดีกว่าเฉพาะสิงคโปร์และบรูไน) การพูดอย่างนี้เป็นการสร้างภาพแบบ "จับแพะชนแกะ" ให้อีอีซีดูเกี่ยวพันกับการพัฒนาอื่นๆ ให้ได้หรือไม่
อีอีซีนั้นให้สิทธิพิเศษแก่ต่างชาติมหาศาล ซื้อที่ดินอสังหาริมทรัพย์ก็ไม่ต้องเสียภาษี แต่คนไทยทั่วประเทศต้องเสีย ซึ่งทั่วโลกก็ไม่เคยให้สิทธิพิเศษแก่ต่างชาติมาขี่คอคนไทยแบบนี้ นักวิชาชีพทุกสาขาก็เข้ามาได้เลย ไม่ต้องผ่านการรับรองจากไทย อย่างนี้ทำให้คนไทยตกงานมากกว่า ในสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ นักวิชาชีพ เช่น นายหน้าไปทำงานโดยตรงไม่ได้ ยิ่งในสิงคโปร์ขืนแอบไป มีโอกาสติดคุกและปรับมหาศาล ความหายนะจะมาอีกมากเพราะเรากำลังจะมี SEC (Southern Economic Corridor) ทำให้คนต่างชาติมา "ขี่คอ" คนไทย แล้วประชาชนคนไทยจะได้ประโยชน์จริงหรือไทย
จะนำอีอีซีไปเทียบกับ "อีสกันดาร์" ของมาเลเซียไม่ได้เลย ที่นั่นเขาวางผังเมืองเรียบร้อยก่อนประกาศเขต มาเลเซียยังกำหนดราคาขั้นต่ำในการซื้ออสังหาริมทรัพย์คือ 16 ล้านบาท แต่ไทยให้ต่างชาติมาซื้อทุกราคา ต่อไปคนไทยจะไม่มีบ้านอยู่ หรือต้องซื้อต่อในราคาแพงจากต่างชาติ ในสิงคโปร์ต่างชาติที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ต้องเสียภาษี 20% แต่ไทยไม่เสีย ในออสเตรเลียให้ต่างชาติซื้อแต่บ้านมือ 1 ห้ามแตะบ้านมือสอง ในนิวซีแลนด์ห้ามซื้ออสังหาริมทรัพย์เลย เขากลัวคนในชาติเดือดร้อนจากการเก็งกำไรของต่างชาติ
นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองกล่าวถึงการทำเมืองใหม่ของพัทยาและตามแผนยังมีเมืองใหม่ของฉะเชิงเทราและอื่นๆ ประเด็นก็คือเมืองเก่าทำให้ดีก่อนดีกว่าหรือไม่ มีความจำเป็นต้องสร้างเมืองใหม่ไหม ยิ่งกว่านั้นผังเมืองบอกว่าจะร่างเสร็จเดือนธันวาคม 2561 และจะใช้เดือนกรกฎาคม 2562 แล้วจะไปฟังเสียงประชาชนช่วงไหน หรือฟังเป็นพิธี ที่สำคัญผังเมืองไม่ออกมาสักที หรือเราปล่อยให้นายทุนไปรวมที่ให้เสร็จแล้วค่อยประกาศใช้ผังเมือง
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการอีอีซี บอกว่า จะสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คือดอนเมือง สุวรรณภูมิและอู่ตะเภา แต่ทำไมต้องไปอ้อมฉะเชิงเทรา ทั้งที่ฉะเชิงเทราก็ไม่ได้มีความจำเป็นยิ่งยวดใดๆ ในการมีรถไฟความเร็วสูง หรือจะต้องไปผ่านที่ของ "เจ้าสัว่" ที่ไหน หากตัดตรงไปตามถนนกรุงเทพ-ชลบุรีสายใหม่ ก็ลดระยะทางและระยะเวลาไปอีกมาก นี่เท่ากับไม่ได้ตรงเป้าการเชื่อม 3 สนามบินหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีการคุยโวว่าจะสร้างเมืองสนามบินหรือ Airport City แบบที่อดีตนายกฯ ทักษิณเคยคิดที่สุวรรณภูมิ ในความเป็นจริง พื้นที่ๆ ควรสร้างที่สุดก็คือรอบๆ สุวรรณภูมิ แต่กลับไม่สร้าง ไม่ทำให้ดี น่าเสียดายมาก
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คุยว่าตอนนี้อีอีซี "เพอเฟค" มาก มีทั้งท่าเรือน้ำลึก สนามบินและอื่นๆ สิ่งเหล่านี้มีมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมี อีอีซีจะเป็นฮับของอะไรหรือ ในเมื่อรถไฟจากจีนไปมาลายูก็ไม่ได้เกี่ยวกับอีอีซีโดยตรง ท่าเรือน้ำลึกของเวียดนามก็มีหลายแห่ง กัมพูชาก็มีสีหนุวิลล์ เส้นทางเชื่อมตะวันออก-ตกผ่านตากและดานังก็ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย เราเพียงพยายามไปเกาะเกี่ยวโน่นนี่มาอ้างให้โครงการอีอีซีดูดี (เกินจริง) หรือไม่
ยิ่งกว่านั้น ที่ว่าต่างชาติจะมาสร้างธุรกิจหรือถ่ายทอดเทคโนโลยีสารพัดในอีอีซี จะเป็นจริงหรือ เราสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วจากต่างชาติเช่นเดียวกับจีนหรืออินเดียเสียที่ไหน เราก็ยังเป็นแค่แหล่งแรงงานราคาถูกเท่านั้น แถมยังได้รับการประเคนสิทธิพิเศษเกินกว่าที่ใดๆ จะให้โดยคนไทยเสียเปรียบ สิ่งที่ซ่อนไว้ในอีอีซีก็คือ เขาให้มาทำธุรกิจบริการได้ อุตสาหกรรม 8-10 อย่างที่อ้าง คงมีคนมาลงทุนน้อยมาก สุดท้ายคงออกมาในรูป "แร้งลง" ซื้ออสังหาริมทรัพย์ โรงแรม สร้างเมืองใหม่ ขนพรรคพวกเข้ามาอยู่ทำมาหากินแบบ "ขี่คอ" คนไทยมากกว่า
อย่าฝันเฟื่องเรื่องอีอีซี ภัยร้ายของไทยกำลังจะมาพร้อมกับด้านมืดของอีอีซีต่างหาก