ภัยศาสนามีจริงหรือ
  AREA แถลง ฉบับที่ 564/2561: วันพุธที่ 12 ธันวาคม 2561

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            ว่ากันว่า ‘ภัยศาสนา’ ในวันนี้ หนักหนาสาหัสยิ่งกว่า ‘ภัยคอมมิวนิสต์’ ในอดีตเสียอีก จริงเท็จประการใด ลองมาดูกัน

            ในก้นบึ้งส่วนลึกในหัวใจของผม เอนเอียงไปทางเห็นใจพี่น้องคนส่วนน้อยที่นับถือศาสนาอื่นนอกเหนือจากศาสนาพุทธ ซึ่งคนบางศาสนาอาจถูกกดขี่จากอำนาจรัฐ เพื่อนรัก น้องๆ ‘ลูกศิษย์’ ของผมหลายคนก็เป็นคนส่วนน้อยที่ดีงามยิ่ง ผมเองก็ชื่นชมพิธีกรรมต่างๆ ของพี่น้องศาสนาอื่นที่เรียบง่ายและมีความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าอย่างมั่นคง แต่ในเหล่าคนต่างศาสนาก็คงมีคนบางส่วนที่อาจไม่หวังดีต่อคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้

            สองวันนี้ (11-12 ธันวาคม 2561) ผมไปร่วมเสวนาวิชาการคลังสมอง วปอ.ฯ ในฐานะที่ผมเคยได้รับเชิญไปบรรยาย ณ ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์กองทัพไทยฯ เขาสามมุก แหลมแท่น จังหวัดชลบุรี ในงานนี้มีพลเอกเดินชนกันขวักไขว่ ผมได้พบพลเอกท่านหนึ่ง ท่านให้ข้อมูล ข้อคิดเห็นที่น่าสนใจ และน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ทุกท่านลองใช้วิจารณญาณพิจารณาดู

            ท่านบอกว่าไทยเราให้สิทธิพิเศษแก่พี่น้องต่างศาสนาเหนือสิทธิของคนไทยทั่วไปในปริมาณที่มากเกินควร ตัวอย่างหนึ่งก็เช่นโรงเรียนนายร้อย จปร. หรือสถาบันดีๆ อื่นๆ ก็เปิดโอกาสให้พวกเขาได้เข้าไปศึกษาโดยไม่ต้องสอบแข่งขันเช่นเด็กทั่วไป เราทำแบบนี้มาร่วม 30 ปีแล้ว และก็ยังให้คนไทยส่วนใหญ่เสียเปรียบอยู่เช่นเดิม ไม่หยุดหย่อน อันนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับมาเลเซียที่คนมาเลย์ส่วนใหญ่ได้สิทธิพิเศษ ซื้อบ้านก็มีส่วนลด แต่คนจีนและคนอินเดียซึ่งเป็นชาวมาเลเซีย (แต่ไม่ใช่มาเลย์) กลับไม่ได้สิทธิพิเศษ

            อันที่จริงในสถาบันดีๆ เขาก็อาศัยการสอบแข่งขันแบบเปิดเผยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้สิทธิพิเศษแต่อย่างใด แต่ถ้าเราไม่เรียนภาษาไทยแต่แรกแล้วมีความรู้น้อยกว่าในหลักสูตรทั่วประเทศ ก็คงเป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ ผมจำได้ว่าในสมัยผมเป็นเด็ก ทางราชการกลัวภัยคอมมิวนิสต์ ก็สั่งปิดโรงเรียนจีน ทำให้ผมไม่ได้เรียนโรงเรียนจีน แต่ถ้าขืนยังปล่อยให้เด็กไทยเชื้อสายจีนเรียนภาษาจีน หลักสูตรจีนแล้วสู้เด็กไทยไม่ได้ แล้วมาเรียกร้องให้เด็กจีนได้สิทธิพิเศษเหนือคนอื่น คงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน

            เด็กนักเรียน นักศึกษาของคนต่างศาสนารุ่นแรกๆ ที่ได้รับการส่งเสริมเหนือคนไทย ปัจจุบันก็ได้กลับไปรับราชการทั้งในกองทัพและส่วนราชการอื่นอยู่ในจังหวัดที่มีคนต่างศาสนามากเป็นพิเศษ ปัญหาความไม่สงบก็ไม่ได้ลดลงไป แต่ยังคุกรุ่นและอาจหนักหนามากยิ่งขึ้น ข้าราชการไทยพุทธหดตัวลงไปเรื่อยๆ ในบางที่ยังมีการย้ายพระพุทธรูปออกจากห้องทำงาน ยังความแปลกใจให้กับคนไทยทั่วไปอย่างมาก

            ในระยะหลังมานี้ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของคนต่างศาสนาส่วนน้อยก็กระจายไปทั่วประเทศ และพอไปอยู่ที่ไหน ก็จะมีครอบครัวของพวกเขาเองตามๆ กันไป คาดว่าจะมีชุมชนคนต่างศาสนาอยู่ทั่วประเทศ จากที่เกือบทั้งหมดอยู่ในบางจังหวัดของประเทศไทยเท่านั้น และทั้งที่ประชากรส่วนใหญ่ถึง 95% ของประเทศไทย ก็เป็นคนพุทธ (https://bit.ly/1nk5eRW) เดี๋ยวนี้แม้แต่บนเขายายเที่ยง ที่อำเภอท่องเที่ยวชื่อดังแถวภาคเหนือตอนบน ก็ยังมีพี่น้องต่างศาสนาไปอยู่เป็นชุมชนใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ

            ในการสร้างศาสนสถานต่างศาสนา ก็สร้างได้เสรี ต่างจากในมาเลเซียที่มีข่าวทุบวัดพุทธ หรือในอินโดนีเซียที่คุมเข้มกับการเพิ่มจำนวนศาลเจ้า แต่เดิมการก่อสร้างศาสนสถานต่างศาสนาจะมีเงินช่วยเหลือมาจากต่างประเทศ แต่เดี๋ยวนี้จะมีเงินจากทางราชการมาสนับสนุน ต่างจากวัดไทยที่อาศัยกฐิน ผ้าป่า กว่าจะสร้างอุโบสถเสร็จก็กินเวลานับสิบปี ในจังหวัดหนึ่งหากมีศาสนสถานต่างศาสนา 3 แห่งขึ้นไป ก็จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการศาสนาของเขาประจำจังหวัด โดยคณะกรรมการยังมีเงินเดือนใช้สอย และสามารถเข้าร่วมประชุมเสนอข้อคิดเห็นต่อผู้ว่าราชการจังหวัด เงินสนับสนุนเหล่านี้ก็มาจากคนไทยพุทธ แต่พี่น้องบางส่วนคงไม่คิดถึงน้ำใจนี้ คิดว่ามาจากฟ้าประทาน

            อีกประเด็นหนึ่งก็คือตราเครื่องหมายอาหารสำหรับคนต่างศาสนา ซึ่งในปีหนึ่งๆ ได้เงินไปร้อยกว่าล้านบาทโดยไม่ต้องเสียภาษี การใช้สอยไปในทางใดก็อาจไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามคณะกรรมการศาสนาของคนส่วนน้อยก็บอกว่าได้เอาเงินนี้ไปบริจาคเพื่อการกุศล แต่ก็ไม่ได้ชี้แจงชัดว่าไปบริจาคที่ไหนบ้าง ใช้ทำอะไรบ้าง นายพลเอกท่านนั้นจึงวิตกว่าจะใช้เงินเป็นภัยต่อชาติหรือไม่

            นายพลเอกท่านนั้นยังสรุปบอกว่า ‘ภัยศาสนา’ โดยนัยที่คนส่วนน้อย ‘ขี่คอ’ คนส่วนใหญ่นี้ อันตรายกว่า ‘ภัยคอมมิวนิสต์’ ในอดีต เพราะพวกคอมมิวนิสต์ยังรักชาติ และต่อสู้เพื่อผู้เสียเปรียบและคนจนส่วนใหญ่ในชาติ แต่มีแนวทางการสร้างชาติที่แตกต่างจากทางราชการปัจจุบัน ส่วนในเรื่องศาสนานั้น กลับกลายเป็นการบีฑาคนส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนาพุทธ เพื่อคนส่วนน้อยที่ไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชาติ และคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยก็ไม่อาจโวยวายอะไรเพราะยังมีเครือข่ายของพวกเขาทั่วโลกคอยจับตาอยู่

            อนึ่งอย่าได้เข้าใจผิดว่าศาสนิกชนของศาสนาอื่นที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธเป็นคนไม่ดี ศาสนิกชนแทบทั้งหมดย่อมเป็นคนดี ศาสนาทั้งหลายย่อมสอนให้คนทำดี คนไทยพุทธที่ไม่ดีก่ออาชญากรรมก็มีมากมาย เพียงแต่มีบางกลุ่ม บางคนในบางศาสนาที่ทำงานอย่างเป็นขบวนการในการให้เกิดปัญหาในสังคมไทย พวกนี้ไม่เพียงไม่รู้สึกถึงความเป็นชาติไทย ยังมุ่งหวังครอบครองประเทศไทยของคนส่วนใหญ่ และยังมีความคิดสุดโต่งจนอาจเป็นภัยต่อชาติได้เป็นสำคัญ

            เรื่องเล่า ‘ภัยศาสนา’ จากนายพลเอกท่านนี้ ท่านคิดเห็นอย่างไร โปรดไตร่ตรองให้ดีครับ​


ที่มา: https://img.winnews.tv/files/site/96a80616a5bf97c3342568538a9a1dfb.jpg

อ่าน 6,574 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved