เป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่ราคาที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพิ่มขึ้น 7.9% (https://bit.ly/2U9iWNB) แต่แทบไม่มีคนรู้สึกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น และในความเป็นจริงที่ดินบางแห่งราคาก็กลับไม่ปรับเพิ่มขึ้นเลย ข้อนี้ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) มีคำตอบ
ดร.โสภณ กล่าวว่า การที่ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดในช่วงปี 2560-61 เพราะการก่อสร้างรถไฟฟ้า ทำให้ศักยภาพของที่ดินเพิ่มมากขึ้น แต่ในกรณีที่ดินที่ไม่มีสถานีรถไฟฟ้า การเพิ่มขึ้นย่อมน้อยกว่ามาก ยิ่งกว่านั้น ระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะคอย "จี้ก้น" ให้เจ้าของที่ดินนำที่ดินออกมาขายหรือนำมาพัฒนาก็ไม่เป็นจริง เพราะยังเอื้อต่อการเก็บที่ดินไว้เก็งกำไร ทำให้ตลาดที่ดินมีจำกัด และทำให้ราคาเพิ่มขึ้นเร็วมาก เป็นผลเสียต่อส่วนรวม
อย่างไรก็ตามจากการสำรวจหลายต่อหลายครั้งพบว่า ขณะที่ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นแต่เศรษฐกิจไม่ดีอย่างที่น่าจะเป็น และยังมีอาการ “รวยกระจุกจนกระจาย” อยู่ทั่วไป ธุรกิจมีหนี้สินมากรวมทั้งหนี้สินของครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผลการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า อภิมหาเศรษฐี 50 ท่านแรกของประเทศไทยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหกเท่ามีรอบ 10 ปีที่ผ่านมาแต่สำหรับประชาชนทั่วไปเพิ่มขึ้นเพียง 17% เท่านั้น (https://bit.ly/2BSCtuu)
สำหรับที่ดินที่ราคาไม่ขึ้นเลยได้แก่ บริเวณถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ ราคาตารางวาละ 8,000 บาท ถนนติวานนท์-บางกระดี่ ตารางวาละ 38,000 บาท และถนนบางพูน-ปทุมธานี ตารางวาละ 35,000 บาท โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง หากไม่นับรวมบริเวณที่มีรถไฟฟ้าหรือโครงการสาธารณูปโภคอื่นจะพบว่าราคาที่ดินเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ที่เป็นเช่นนี้เพราะบริเวณเหล่านี้ไม่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ใดๆ
บริเวณถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ ราคาตารางวาละ 8,000 บาท ราคาไม่เพิ่มเพราะอยู่ ห่างไกลความเจริญ บริเวณถนนติวานนท์-บางกระดี่ ตารางวาละ 38,000 บาท อยู่ในสถานะที่มีการพัฒนามากจนหยุดชะงักแล้ว และถนนบางพูน-ปทุมธานี ตารางวาละ 35,000 บาท ราคาคงที่ก็ยังไม่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่ใดๆ
การเลือกซื้อทีดิน จึงจำเป็นต้องศึกษาให้ละเอียดเพราะซื้อแล้วไม่สามารถ “ย้ายที่” ไปขายที่อื่นได้หากไม่มีศักยภาพเพียงพอ