ตามที่มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า "'เมืองเหนือ' ร้อนฉ่า! ขาใหญ่ตะลุมบอน ทะลัก 324 โครงการ (อสังหาริมทรัพย์)" (https://bit.ly/2J7s7NI) นั้นคงไม่จริง หากใครขืนไปลงทุนส่งเดช อาจประสบปัญหาได้ ดร.โสภณ พรโชคชัย แนะให้นักพัฒนาที่ดินศึกษาให้ดีก่อนลงทุน อย่า "ตามแห่" อาจ "ลงเหว"
ตามข่าวหนังสือพิมพ์ข้างต้นระบุว่า "พบว่า 3 จังหวัด มาแรง ดีเวลอปเปอร์ส่วนกลางวิ่งเข้าพื้นที่ซื้อที่ดินขึ้นโครงการต่อเนื่อง ได้แก่ อันดับ 1 จ.เชียงใหม่ หัวเมืองท่องเที่ยวใหญ่, อันดับ 2 เชียงราย เมืองชายขอบ และอันดับ 3 ทำเลจุดยุทธศาสตร์ 4 แยกอินโดจีน พิษณุโลก ซึ่งปัจจุบัน มีโครงการเปิดขายมากถึง 324 โครงการ จำนวนหน่วยไม่ตํ่ากว่า 20,000-30,000 หน่วย จากความโดดเด่นที่ยืนบนความแตกต่างอันหลากหลายของกิจกรรมหลอมรวมกันได้อย่างกลมกล่อม ทั้งการท่องเที่ยว เมืองท่า เมืองการค้าชายแดน และไข่แดงแห่งการลงทุน"
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าวว่า "ต้องฟังหูไว้หู" อาจเป็นเพียงการสร้างข่าวเพื่อทำให้บรรยากาศดูสดใส แต่ความจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น
1. ในจังหวัดเชียงใหม่อาจมีโครงการที่อยู่อาศัยเหลือมาขายในปี 2562 อยู่ 12,200 หน่วย แต่อัตราการขายค่อนข้างช้า
2. ในจังหวัดเชียงรายเหนือหน่วยขายเพียง 2,000 หน่วย
3. ในจังหวัดพิษณุโลกก็เหลือหน่วยขายเพียง 2,500 หน่วย (https://bit.ly/2AzHZSk)
อาจกล่าวได้ว่านอกจากเชียงใหม่แล้ว ยังไม่มีจังหวัดใดคึกคักนัก การจะอาศัยความหวังจากสิ่งที่อ้างถึงนั้นทำได้ยากเพราะ
1. รถไฟมวลเบาเชียงใหม่ ก็อาจไม่สำเร็จ เพราะมีประชากรตามแนวเส้นทางน้อย (https://bit.ly/2x6sAqP)
2. ความหวังในการพัฒนารถไฟความเร็วสูง ก็คงยังไม่แน่นอน เนื่องจากเส้นทางสายแรกคงเป็นสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่สายดังกล่าวก็ยังเชื่องช้าอยู่
3. รถไฟรางคู่ ก็เป็นโครงการที่ยังล่าช้าอยู่เช่นกัน
การไปลงทุนในจังหวัดใด นักพัฒนาที่ดิน นักลงทุน และสถาบันการเงินควรสำรวจตลาดให้แน่ชัดก่อน