ที่ว่า " “คณิศ” ติดเครื่องลงทุนอีอีซี บูมอ่าวตะวันออกดัน GDP เพิ่ม 2%" ไม่ได้แปลว่ามีคนมาลงทุนจน GDP เพิ่ม แต่เป็นการอัดเม็ดเงินซึ่งไม่รู้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงไหม
ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า "แผนการลงทุนในช่วง 5 ปีของเขตอีอีซีที่วางไว้ประมาณ 6.5 แสนล้าน ทั้งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, เมืองการบินอู่ตะเภา, ท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3, ท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3, ศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา และเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล หากการลงทุนทั้งหมดนี้เริ่มขึ้น คาดว่าจะมีการลงทุนในเขตอีอีซีเฉลี่ยปีละ 1 แสนล้าน คิดเป็น 0.8% ของ GDP บวกกับการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) อีก 1 แสนล้าน ตัวเลข 0.8% ของ GDP เช่นกัน นอกจากนั้น จะมีการลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น อสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก และอื่น ๆ อีก 0.4% จะดันตัวเลข GPD รวมของประเทศเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 2%” (ประชาชาติธุรกิจ 10 เมษายน 2562: https://tinyurl.com/yy2skzft)
กรณีนี้ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ให้ความเห็นว่า ตัวเลข GDP ที่อ้างว่าจะได้นั้น คือการได้มาจากการลงทุนต่างๆ ของรัฐเอง อันได้แก่ การก่อสร้างต่างๆ ไม่ใช่เกิดจากการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจของนักลงทุนแต่อย่างไร จึงยังไม่อาจนับว่าโครงการจะสำเร็จได้ในอนนาคต
ที่ผ่านมาการลงทุนในหลายกรณียังไม่คืบหน้า เช่น เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2561 ยังมีข่าวว่า "เผย 'แจ็ค หม่า' ยื่นข้อเสนอ 'ซื้อที่ดิน' ในไทย แลกลงทุนอีอีซี" (https://tinyurl.com/yxaxymgx) ทั้งที่หมายมั่นปั้นมือให้เขามาลงทุนในไทยนานแล้ว หรือเมื่อ 21 มกราคม 2562 ก็มีข่าว "ประมูลแหลมฉบังเฟส 3 รอปรับแก้ทีโออาร์ใหม่ หลังนักลงทุนไม่สนใจยื่นซอง" (https://tinyurl.com/yyzz4uxa) และเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2562 ก็มีบทความเรื่อง "อีอีซี..ลำไม้ไผ่ ที่เสี่ยงกลายพันธุ์เป็นบ้องกัญชา" (https://tinyurl.com/yyqnr8az)
อย่าเพิ่งเชื่อว่าภาพลวงตา