ดร.สมคิด "อัด" แพ็คเกจพยุงเศรษฐกิจ แต่ ดร.โสภณ "อัด" ดร.สมคิดว่า มาตรการที่ ดร.สมคิดและคณะคิด น่าจะเป็นมาตรการทำร้ายชาติมากกว่าหรือไม่
มีข่าวว่า "สมคิด อัดแพ็กเกจพยุงศก. กระตุ้นอสังหา-ท่องเที่ยว" (http://bit.ly/2KVoA5W) แต่ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) เห็นต่างว่านี่อาจเป็นมาตรการทำร้ายชาติมากกว่า เป็นการ "รีดเลือดกับปู" (ประชาชนทั่วไป) ไปช่วยนายทุนใหญ่ๆ มากกว่า รัฐบาลพึงคิดใหม่
1. กรณีการ "อัดช้อปช่วยชาติหนุนท่องเที่ยว" ที่บอกว่า จะให้ประชาชนซื้อของมากขึ้น ก็เพื่อให้นายทุนที่ผลิตสินค้าสามารถขายสินค้าให้ได้ต่างหาก
2. กรณีการ "ลดหย่อนภาษี" ก็เช่นเดียวกัน เป็นเพียงเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อและบริการของนายทุนใหญ่ๆ สิ่งที่รัฐบาลควรทำมากกว่าก็คือการหาทางให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นต่างหาก การกระตุ้นกำลังซื้อ ยิ่งทำให้เกิดภาวะ "รวยกระจุก จนกระจาย" ดูดเงินจากคนจนไปช่วยคนรวยมากขึ้น
3. ในด้านมาตรการด้านอสังหาริมทรัพย์ ในเมื่อประชาชนยังไม่มีเงินซื้อบ้าน และภาวะเศรษฐกิจกำลังเสี่ยงต่อการเกิดปัญหา ประชาชนควร "กำเงิน" ไว้มากกว่าที่เสี่ยงออกไปซื้อสินค้าที่อยู่อาศัย แม้เป็นปัจจัยสี่ แต่คนไทยส่วนใหญ่ก็มีบ้านของตนเองอยู่แล้ว หรืออยู่บ้านบุพการี ในยามนี้จึงยังไม่จำเป็นต้องรีบซื้อ การจะรีบซื้อก็เพื่อช่วยนักพัฒนาที่ดินมากกว่าหรือไม่
4. สำหรับมาตรการ "งัดแผนรับมือพืชผลราคาตก" นั้น สิ่งที่รัฐบาลควรทำก็คือการจัดหาตลาดใหม่ๆ ให้ข้าว ยาง หรือสินค้าและบริการอื่นของไทยได้ไปขายสู่ตลาดโลกเพื่อนำเงินเข้าประเทศ ไม่ใช่พยายามใช้แต่มาตรการ "อัฐยายซื้อขนมยาย" อย่างเช่นทุกวันนี้
5. จากการที่รัฐมนตรีระดับสูงของไทย "พูดไม่ดี" กรณีเรือล่มที่ภูเก็ตเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ปรากฏว่าแม้ในเดือนเมษายน 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับคืนมา ไม่ใช่เพราะจีนมีปัญหา แต่เป็นเพราะเขาไปเที่ยวประเทศอื่นแทนต่างหาก แค่นับถึงเดือนตุลาคม 2561 เสียหาย 51,365 ล้านบาท (https://bit.ly/2S74pkr) แล้ว การไปเที่ยว Roadshow อาจช่วยอะไรไม่ได้มากนัก
6. กรณีการแจกเงินให้ไปเที่ยวคนละ 1,500 บาท (http://bit.ly/2KX4qZo) ก็คือ เป็นการ "ให้ปลา" มากกว่า "ให้เบ็ด" ถือเป็นการ "ซื้อเสียง" เพื่อสร้างความนิยมในทางการเมืองระยะสั้น แต่เป็นการทำลายวินัยทางการเงินในระยะยาว
ดร.โสภณ เสนอว่ารัฐบาลต้องหาทางทำให้ประชาชนมีเงินก่อน มีรายได้จากฐานราก จะได้มีเงินมาใช้สอย ในขณะเดียวกันสิ่งที่รัฐบาลควรทำก็คือการจัดหาตลาดใหม่ๆ ให้ข้าว ยาง หรือสินค้าและบริการอื่นของไทยได้ไปขายสู่ตลาดโลกเพื่อนำเงินเข้าประเทศ ไม่ใช่พยายามใช้แต่มาตรการ "อัฐยายซื้อขนมยาย" เช่นที่ดำเนินการอย่างฉาบฉวยโดย ดร.สมคิดและคณะเช่นนี้