อ.บ.ต.ชะอม ได้จัดทำเอกสารเผยแพร่ “มหัศจรรย์พรรณไม้ขุดล้อม ปลูกต้นไม้ วันเดียวโต” ซึ่งรวบรวมโดยนางสาวนภัสร เปรมปรี ผู้ช่วยนักประชาสัมพันธ์ องค์การบริหารส่วนตำบลชะอม โดยมีที่ปรึกษาประกอบด้วย คุณสายบัว พาศักดิ์ แห่งสวนสายบัว คุณสมศักดิ์ สอนจันทร์ แห่งสวนวันเพ็ญ คุณสมศักดิ์ บำรุงกิจ แห่งสวนบำรุงกิจ คุณสมบัติ ศรีสวัสดิ์ แห่งสวนสมบัติ และคุณกิตติกร ตั้งอนุกูลกิจ แห่งสวนเจอาร์ เป็นที่ปรึกษา
เพื่อเป็นการส่งเสริมกิจกรรม “ไม้ขุดล้อม” ของชาวบ้านตำบลชะอม ในที่นี้จึงขอนำเอกสารเผยแพร่นี้มานำเสนอ เพื่อประโยชน์แก่กิจกรรม “ไม้ขุดล้อม” โดยเดิมทีชาวบ้านตำบลชะอมประกอบอาชีพทำไร่ ทำสวน แต่รายได้ไม่ค่อยจะดีนัก ต่อมาบริษัทสวีดิช มอเตอร์ (บริษัทในเครือรถยนต์วอลโว่ล์) โดยผ่านทางบริษัทย่อยคือบริษัท มีโร่ แอนด์ไรมอนด์แลนด์ ของคุณจุไรรัตน์ บีโอไบเธิ่น ประสานงานผ่านท่านมีชัย วีระไวชยะ นายกสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชนในโครงการรักชนบท เข้ามาแนะนำเกี่ยวกับการทำไม้ขุดล้อม ให้กู้ยืมเงินทุนโดยไม่คิดดอกเบี้ยและช่วยสอนชาวบ้านถึงขั้นตอนการปลูกการดูแลรักษา การขุดล้อมจนกระทั่งสามารถทำเป็นอาชีพได้และเมื่อมีผลผลิตออกมาบริษัทก็รับซื้อคืนทั้งหมดจนชาวบ้านที่ปลูกเริ่มแรกมีรายได้ดี เมื่อชาวบ้านเห็นว่ารายได้ดีกว่าการปลูกพืชชนิดเดิม ๆ จึงหันมาทำไม้ขุดล้อมกันมากขึ้นจนกลายเป็นอาชีพหลักจนถึงในปัจจุบัน
ในการทำไม้ขุดล้อม นอกจากการซื้อไม้จากที่อื่นแล้ว ไม้ส่วนใหญ่มาจากการเพาะปลูกเอง โดยสิ่งที่พึงรู้ก็คือ การเพาะปลูกไม้ล้อม ซึ่งแยกได้ 2 วิธี คือ การเพาะเมล็ด และการใช้กิ่งปักชำหรือตอน และการเตรียมดินสำหรับใช้เพาะชำต้นกล้า ซึ่งมีหลายสูตร แต่ก็จะไม่แตกต่างกันมากนักส่วนใหญ่ก็จะใช้ ดินร่วน 1 ส่วน และ แกลบดำ 1 ส่วน มาผสมให้เข้ากันแล้วนำไปกรอกใส่ถุงหรือบางครั้งอาจะเพิ่ม ทราย มูลสัตว์ และขุยมะพร้าวผสมเพิ่มเข้าไปก็ได้
สำหรับวิธีการปลูกไม้ล้อม มักจะเริ่มปลูกต้นไม้ระหว่างเดือน พฤษภาคม ของทุกปี เนื่องจากเมื่อปลูกแล้วเสร็จจะเริ่มมีฝนโปรยปรายลงมา โดยที่ผู้ปลูกไม่ต้องรดน้ำ
1. ไถพรวน 1 ครั้ง เพื่อทำให้ดินร่วนง่ายแก่การขุดหลุม
2. การปลูก ส่วนใหญ่ให้มีระยะห่างระหว่างต้นในการปลูกไม้ขุดล้อมระหว่าง 1 x 1 เมตร
3. ปุ๋ย หรือ มูลสัตว์ สำหรับรองก้นหลุม จะใช้หรือไม่ก็ได้ ดูตามสภาพของดิน
4. ดูแลฉีดยากันแมลง และฮอร์โมนบำรุงต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
5. การใส่ปุ๋ยจะใส่ปุ๋ยเดือนละ 1 ครั้ง เรื่อยไปจนกว่าต้นไม้จะโตเต็มที่สามารถขุดล้อมได้การใส่ปุ๋ยอาจจะใส่เป็นปุ๋ยเคมีตามท้องตลาด, ปุ๋ยหมัก หรือ มูลสัตว์ ก็ได้
6. ในระหว่างนี้ต้องดูแลกำจัดวัชพืชต่าง ๆ โดยการ ฉีดยาฆ่าหญ้า, ดายหญ้า หรือจะใช้เครื่องตัดหญ้าเข้าไปตัดในแปลงเพาะปลูก ก็ได้
7. หากต้องการให้ต้นไม้โตเร็วทันใจควรทำการพรวนดินรอบโคนต้นให้ต้นไม้ด้วย
8. ดูแลลำต้น หากมีการคดงอให้ใช้กิ่งไม้ ท่อนไม้ มาดามยึดลำต้นไว้ ให้มีลำต้นตรงสง่างาม
9. ตัดแต่งกิ่ง กิ่งที่มองดูแล้วว่าไม่สวยงาม หรือมีมากเกินไป จะตัดทิ้ง เพื่อให้ต้นไม้ดูสวยงาม
เมื่อต้นไม้อายุ 6 เดือน ก็เริ่มขุดล้อมได้แล้ว ส่วนใหญ่จะปลูกไว้ 1-2 ปี แล้วจึงขุดล้อม หรืออาจปลูกไว้หลายปี แล้วแต่ความต้องการของตลาด
10. ในระหว่างที่ต้นไม้กำลังเจริญเติบโต หากเป็นช่วงฤดูแล้งจะต้องทำแนวป้องกันไฟไม่ให้เกิดไฟไหม้ หากเป็นช่วงฤดูฝนต้องทำแนวป้องกันน้ำท่วม หรือทำทางระบายน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมต้นไม้
สำหรับต้นทุน รายได้และกำไรโดยเบื้องต้นเป็นดังนี้:
1. ต้นทุนในการเพาะปลูก เป็นเงิน 11,400 บาท
ปลูกต้นไม้ 1 ไร่ ( ถ้าปลูกระยะห่าง 1 x 1 เมตร จะใช้กล้าไม้ = 1,600 ต้น )
- กล้าไม้ (1,600 ต้น ต้นละประมาณ 1 บาท) เป็นเงิน 1,600 บาท
- ค่ารถไถ (ชั่วโมงละ 600 บาท หรือเป็นการจ้างเหมา) เป็นเงิน 600 บาท
- ค่าคนงานปลูก (ค่าจ้างปลูกต้นละประมาณ 1 บาท) เป็นเงิน 1,600 บาท
- ค่าไม้ค้ำยัน (ท่อนละประมาณ 1 บาท) เป็นเงิน 1,600 บาท
- ปุ๋ย หรือ มูลสัตว์ ตลอดอายุการปลูกประมาณ 2,000 บาท
- ยาฆ่าแมลง ตลอดอายุการปลูก ประมาณ 2,000 บาท
- ค่ากำจัดวัชพืช ตลอดอายุการปลูก ประมาณ 2,000 บาท
2. ราคาขายต้นไม้ที่มีอายุ 1 ปี (ราคาเหมา) เป็นเงิน 32,000 บาท
- ราคาขายต้นไม้ที่มีอายุ 1 ปี (ต้นไม้สูงประมาณ 2-3 เมตร ลำต้นใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว) ราคาขายต้นละประมาณ 20 บาท จำนวน 1,600 ต้น เป็นเงิน 32,000 บาท
3. กำไร ประมาณ 20,600 บาท/ไร่ (32,000 - 11,400 บาท)
ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า การปลูกไม้ขุดล้อม จะมีรายได้ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับพืชไร่ต่างๆ และหากปล่อยไว้ให้ต้นโตขึ้นเรื่อยๆ ราคาก็จะสูงมากขึ้นอีกมาก เช่น ในบรรดา ต้นไม้โตเร็ว ไม้ตลาดและไม้เนื้ออ่อน อันได้แก่ ประดู่กิ่งอ่อน หางนกยูง นนทรี ชงโค เสลา ตะแบก ตีนเป็ดน้ำ พญาสัตบรรณ (ตีนเป็ด) ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 1, 2, 3, 4, 5, และ 6 นิ้ว มีราคา 60, 150, 250, 600, 700 และ 800 บาทต่อต้นตามลำดับ จะสังเกตได้ว่าราคาในช่วงแรกๆ ยังไม่สูงนัก แต่หากมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่ขึ้นมาก ราคาต่อต้นก็จะก้าวกระโดดสูงขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้มีราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 68% ต่อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่ใหญ่ขึ้น 1 นิ้วนั่นเอง
ในตำบลชะอมมีพันธุ์ไม้ขุดล้อมอยู่เกือบ 120 ชนิดให้ผู้สนใจได้เลือกซื้อ แต่ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ได้แก่:
1. ราชพฤกษ์ (คูณ) มีประโยชน์คือ ดอกแก้ไข้เป็นยาระบาย ใบต้มกินเป็นยาระบายขับพยาธิ รากและแกนขับพยาธิราคา ขนาด 1 นิ้ว ราคา 60 บาท, 2 นิ้ว ราคา 150 บาท, 3 นิ้ว ราคา 250 บาท, 4 นิ้ว ราคา 600 บาท, 5 นิ้ว ราคา 800 บาท
2. ต้นกันเกรา มีประโยชน์คือ เปลือก บำรุงโลหิต แก้ผิวหนังพุพอง ปวดแสบปวดร้อน ขับลม แก้ไข้ แก้ปวดตามข้อ และเป็นยาอายุวัฒนะได้อีกด้วย ราคา ขนาด 1 นิ้ว ราคา 150 บาท, 2 นิ้ว ราคา 300 บาท, 3 นิ้ว ราคา 600 บาท, 4 นิ้ว ราคา 1,500 บาท, 5 นิ้ว ราคา 2,500 บาท
3. ต้นบุญนาค เป็นไม้ไทย ให้ดอกหอม ร่มเงา ดอกสีขาว เป็นยาสมุนไพร สามารถทำเป็นไม้แปรรูปได้ ราคา ขนาด 1 นิ้ว ราคา 500 บาท, 2 นิ้ว ราคา 1,000 บาท, 3 นิ้ว ราคา 2,500 บาท, 4 นิ้ว ราคา 5,000 บาท, 5 นิ้ว ราคา 8,000 บาท
4. ต้นสุพรรณิการ์ มีประโยชน์คือ เป็นไม้ดอกสวยงาม สีเหลือง ราคา ขนาด 1 นิ้ว ราคา 70 บาท, 2 นิ้ว ราคา 150 บาท, 3 นิ้ว ราคา 300 บาท, 4 นิ้ว ราคา 800 บาท, 5 นิ้ว ราคา 1,300 บาท
5. ต้นพะยอม มีประโยชน์คือ เป็นไม้เศรษฐกิจ และเปลือกนำไปใส่ในเครื่องหมักดองเพื่อกันบูดใช้ฟอกหนังได้ ราคา ขนาด 1 นิ้ว ราคา 100 บาท, 2 นิ้ว ราคา 300 บาท, 3 นิ้ว ราคา 600 บาท, 4 นิ้ว ราคา 1,000 บาท, 5 นิ้ว ราคา 1,400 บาท เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าการทำไม้ขุดล้อมสร้างรายได้ให้กับผู้ปลูกจนน่าพึงพอใจ และน่าจะเป็นผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว ไม้เหล่านี้มีค่าเพราะเป็นที่ต้องการของตลาด เช่น โครงการจัดสรรต่างๆ สนามกอล์ฟ รีสอร์ต นิคมอุตสาหกรรม ตลอดจนผู้รับเหมาจัดสวนและอื่นๆ อนาคตของกิจกรรมไม้ขุดล้อมจึงดีกว่ากิจกรรมอื่นๆ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานในตลาดในแต่ละระยะด้วย
ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์โลกวันนี้ วันพุธที่ 8 พฤษภาคม 2562
http://www.lokwannee.com/web2013/?p=357625