จากที่มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ได้จัดให้มีคณะทำงานประเมินค่าต้นไม้ เมื่อวันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2562 มีการประชุมปรึกษาเรื่องราคาไม้ขุดล้อม ณ ที่ทำการ อ.บ.ต.ชะอม ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี โดยมีท่านปลัด อ.บ.ต. เป็นประธานในที่ประชุม พร้อมเจ้าหน้าที่ของ อ.บ.ต. ปราชญ์ชาวบ้าน และเจ้าของแผงไม้ในพื้นที่ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานก่อตั้งมูลนิธิในฐานะเลขานุการคณะทำงาน ได้จัดทำบันทึกนี้ขึ้นเพื่อให้ท่านผู้เกี่ยวข้องได้พิจารณา
ราคากรณีไม้เนื้ออ่อน
ไม้เนื้ออ่อนมักจะขุดล้อมมาขายเมื่อมีอายุ 1 ปีขึ้นไป
1. ในการปลูกไม้ขุดล้อม ใน 1 ไร่จะปลูกได้ 1,600 ต้น หรือตารางเมตรละ 1 ต้น
2. ต้นทุนในการปลูกและดูแลเป็นเงินไร่ละ 15,000 บาทต่อปี ในกรณีเช่าที่ปลูกไม้ อาจมีค่าเช่าอีกไร่ละ 1,000 บาท
3. เมื่อครบ 1 ปี จะขายได้ 48,000 บาท หรือเท่ากับต้นละ 30 บาทโดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-2 นิ้ว
4. ค่าจ้างคนขุดต้นละ 15-20 บาท ค่าขุยมะพร้าวต้นละ 15-20 บาท ค่าขนต้นละ 10 บาท ค่าปิดกระสอบต้นละ 10 บาท รวมประมาณ 60 บาท
5. ค่าเลี้ยงดูประมาณ 1 เดือนก่อนขาย เป็นเงินต้นละ 20 บาท
6. ดังนั้นต้นทุนต่อต้นจึงเป็นเงินประมาณ 110-120 บาท (รวมข้อ 3, 4 และ 5)
7. ราคาขายเป็นเงิน 150-200 บาทสำหรับไม้อายุประมาณ 1ปี
8. แสดงว่ากำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 30 บาทต่อต้น หรือเป็นเงิน 48,000 บาท สำหรับ 1,600 ต้น
อาจกล่าวได้ว่าค่าปลูกในปีแรก หรือเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว มีราคาต้นละ 30 บาท แต่ถ้ามีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ราคาจะเพิ่มเป็น 70 บาท และถ้ามีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้ว ราคาจะเพิ่มเป็น 120 บาท
โดยคร่าวๆ สำหรับไม้เนื้ออ่อนทั่วไป ปีหนึ่งเมื่อไม้โตพอที่จะขายได้ในขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว (โดยวัดจากโคนต้นขึ้นมา 30 เซนติเมตร) ก็จะขายได้ในราคา 35,000-50,000 บาท ซึ่งดีกว่าการทำนาที่จะสร้างรายได้ได้ประมาณ 8,500 บาทต่อไร่ต่อปี ส่วนพืชไร่ เช่น ข้าวโพดและมัน ก็สร้างรายได้ได้พอๆ กับการปลูกข้าว
ราคากรณีไม้เนื้อแข็ง
ไม้เนื้อแข็งมักเป็นไม้ไทยโบราณ เช่น ลำดวน พิกุล บุนนาค คูน กันเกรา พยุง ที่มักโตช้า อายุ 2 ปีจึงเริ่มขุด โดยมีขนาด 1-2 นิ้ว มีราคาดังนี้:
1. ราคาเมื่ออายุครบ 2 ปี จะเป็นเงินต้นละ 60 บาท ไร่หนึ่งมี 1,600 ต้น ก็จะเป็นเงิน 96,000 บาท
2. มีต้นทุนค่าจ้างคนขุดต้นละ 15-20 บาท ค่าขุยมะพร้าวต้นละ 15-20 บาท ค่าขนต้นละ 10 บาท ค่าปิดกระสอบต้นละ 10 บาท รวมประมาณ 60 บาท
3. ค่าเลี้ยงดูประมาณ 1 เดือนก่อนขาย เป็นเงินต้นละ 20 บาท
4. ดังนั้นต้นทุนต่อต้นจึงเป็นเงินประมาณ 140-150 บาท (รวมข้อ 1, 2 และ 3)
5. ราคาขายได้ต้นละประมาณ 300 บาท
6. กำไร เป็นเงิน 150 บาทต่อต้น รวมเป็นเงิน 240,000 บาทต่อระยะเวลา 2 ปี
แม้กำไรจากไม้เนื้อแข็งจะมีมากกว่า แต่ไม้เนื้ออ่อนขายได้มากกว่า เร็วกว่า ในทางปฏิบัติจริง เกษตรกรจึงมักนิยมปลูกปนกันเพื่อลดความเสี่ยง ราคาไม้เนื้อแข็งจะแพงกว่าไม้เนื้ออ่อนราว 1 เท่าตัว
ราคาไม้ตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
ไม้ที่ขายในแผง
1. ในกรณีไม้เนื้อแข็ง หากมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ราคาประมาณ 200 บาทต่อต้น
2. ในกรณีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ราคาต้นละ 400 บาท
3. ในกรณีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้ว ราคาต้นละ 5-600 บาท
4. ในกรณีเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว ราคาต้นละ 800 บาท โดยแยกเป็นค่าต้นไม้ 550 บาท ค่าขุดขนาดนิ้วละ 20 บาทรวม 80 บาท ปอกระสอบ 20 บาท ค่าลงร้าน 20 บาท ขุยมะพร้าว-ถุงดำ 30 บาท ค่าน้ำยา และอื่นๆ รวมต้นละ 250 บาท รวมเป็นเงิน 800 บาทต่อต้นสำหรับราคาหน้าแผง สำหรับไม้เกรดปกติ (C) แต่สำหรับเกรด B ก็เป็นเงิน 950-1,000 บาท ส่วนเกรด A ก็เป็นเงิน 1,200-1,500 บาทต่อต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฟอร์มสวย/ลีลาของต้นไม้ ราคานี้ยังไม่รวมค่าขนส่งไปปลูกและค่าปลูกใหม่
5. ในกรณีเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 นิ้ว สำหรับราคาไม้เนื้ออ่อน เป็นเงินตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง นิ้วละ 100 บาทซึ่งเป็นราคาในไร่ หรือรวม 600 บาทต่อต้น ส่วนในแผงราคาตกเป็นเงินต้นละ 2,500-3,000 บาท
6. ในกรณีเส้นผ่าศูนย์กลาง 7 นิ้ว สำหรับราคาไม้เนื้ออ่อน เป็นเงินตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง นิ้วละ 100 บาทซึ่งเป็นราคาในไร่ หรือรวม 700 บาทต่อต้น ส่วนในแผงราคาตกเป็นเงินต้นละ 3,500-4,000 บาท
7. ในกรณีเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นิ้ว (สำหรับไม้เนื้ออ่อนอายุ 5-8 ปี) ราคาในสวนตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางนิ้วละ 200 บาท ส่วนราคาในแผงต้นละ 5,000-6,000 บาท
8. ในกรณีเส้นผ่าศูนย์กลาง 9 นิ้ว ราคาในแผงต้นละ 6,000-7,000 บาท
9. ในกรณีเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 นิ้ว ราคาในแผงต้นละ 7,000-8,000 บาท
10. ในกรณีเส้นผ่าศูนย์กลาง 11-15 นิ้ว ราคาในสวนตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางนิ้วละ 400-500 บาท หรือเป็นเงินต้นละ 4,400 บาท ราคาในแผงขายตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางนิ้วละ 1,500 บาท หรือเป็นเงิน 16,500 บาท
11. ในกรณีเส้นผ่าศูนย์กลาง 16-20 นิ้ว ราคาในสวนตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางนิ้วละ 500 บาท หรือเป็นเงินต้นละ 8,000 บาท ราคาในแผงขาย ถ้าเป็นไม้เนื้ออ่อนตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางนิ้วละ 1,500 บาท หรือเป็นเงิน 24,000 บาท ส่วนถ้าเป็นไม้เนื้อแข็งตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางนิ้วละ 2,500 บาท หรือเป็นเงิน 40,000 บาท
สมมติฐานทางการเงิน
1. ระยะเวลาในการขาย เป็นเวลาประมาณ 1 เดือน
2. ความเสี่ยงในการปลูก อาจมีต้นตายประมาณ 10-20%
3. ความเสี่ยงในการขายที่ต้นอาจอาจ อาจมีประมาณ 10% อีกเช่นกัน
4. ไม้ที่ขายดีก็ได้แก่ ต้นคูน อินทนิล เสลา ตะแบก เสม็ดแดง มั่งมี
5. มูลค่าของไม้ขึ้นอยู่กับสกุล ขนาด รูปทรง
6. ค่านายหน้าในการขายไม้ขุดล้อมมีสัดส่วนประมาณ 5-10% ของราคาขาย
ข้อสังเกตอื่น
1. ไม้ขุดล้อมมักปลูกในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงก่อนหน้าฤดูฝน ซึ่งเมื่อฝนมาก็จะทำให้ไม้เติบโตเร็ว
2. ไม้ขุดล้อมจะขายได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าใบสวยหรือไม่ ถ้ามีดอก ดอกสวยไหม เป็นพุ่ม หรือบางคนอาจนิยมเป็นไม้โตสูงชะลูด
3. ในการจัดสวน นิยมใช้ไม้ที่มีขนาด 5-6 นิ้ว ในการนำไปส่ง ต้องใช้เครนยก ราคาจะเป็นเงินขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางนิ้วละ 100 บาท ถ้ามีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ก็เป็นเงินต้นละ 500 บาท ซึ่งเป็นราคาในไร่ ส่วนไม้ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 8-10 นิ้ว จะมีราคานิ้วละ 200 บาท ดังนั้นต้นที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 นิ้ว ก็จะมีราคาต้นละ 2,000 บาทนั่นเอง
4. ผู้ประกอบการส่วนมากเช่าที่ปลูก และเช่าที่ดินที่อยู่ติดริมถนนเพื่อขาย
5. กลุ่มผู้ซื้อมีทั้งบ้านจัดสรร ถนน มอเตอร์เวย์ นิคมอุตสาหกรรม ฯลฯ
6. ค่าขนส่ง ถ้าไม่ใช้เครน โดยขนไม้ขุดล้อมจากตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เข้ากรุงเทพมหานครเป็นเงินรถละ 6,000 บาท แต่ถ้าใช้เครน ก็เป็นเงินรถละ 7,000 บาท
การประเมินมูลค่าจากต้นทุนและการเปรียบเทียบราคาตลาดนี้ จะช่วยในการสนับสนุนการประเมินค่าต้นไม้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ที่มาภาพ  http://bit.ly/2XShK6m
หนังสือพิมพ์โลกวันนี้ วันพุธที่ 12 มิถุนายน 2562
http://www.lokwannee.com/web2013/?p=363202