ในเดือนมิถุนายน อสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีการเปิดตัวเพิ่มขึ้น โดยในเดือนนี้มีจำนวนโครงการเปิดขายใหม่ทั้งหมด 47 โครงการ เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2562 จำนวน 16 โครงการ จึงทำให้มีจำนวนหน่วยขายและมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นตาม โดยลักษณะการพัฒนาเป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัยทั้งหมด มีจำนวนหน่วยขายรวม 13,943 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 57,257 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยหน่วยละ 4.107 ล้านบาท
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวว่าในภาพรวมโครงการที่เปิดขายใหม่ในเดือนนี้จะมีจำนวนหน่วยขาย มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้น แต่ราคาขายเฉลี่ยต่อยูนิตลดลง (ประมาณ 44%) เนื่องจากการพัฒนาในเดือนนี้มีจำนวนหน่วยขายที่มีราคาขายไม่เกิน 5 ล้านบาท จำนวน 11,224 หน่วย หรือประมาณ 81% ของหน่วยขายทั้งตลาด จึงทำให้ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยโดยรวมของเดือนนี้ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายเฉลี่ยของเดือนก่อน ซึ่งราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของเดือนนี้มีราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 4.127 ล้านบาท แต่เดือนที่ผ่านมามีราคาขายเฉลี่ยที่ 7.290 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางและผู้มีรายได้ค่อนข้างน้อยมากขึ้น
เมื่อพิจารณาอัตราการขายได้ จะพบว่าในเดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 20% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 15% ต่อเดือน โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราการได้สูงสุด และมีจำนวนหน่วยขายเป็นส่วนใหญ่ของตลาดคืออาคารพาณิชย์ระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 82 หน่วย ขายได้แล้ว 36 หน่วย (44%) รองลงคือ อาคารชุดระดับราคา 1-2 ล้านบาท จำนวน 1,495 หน่วย ขายได้แล้ว 532 หน่วย (36%) และอันดับ 3 คืออาคารชุดระดับราคา 2-3 ล้านบาท จำนวน 1,489 หน่วย ขายได้แล้ว 388 หน่วย (26%)
ดร.โสภณ สรุปว่า ผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ จะพบว่าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (มหาชน) มีจำนวน 9 บริษัท คือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน)บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) บริษัท อารียา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัทในเครือและบริษัททั่วไปอีกจำนวนหนึ่ง หากเปรียบเทียบการพัฒนาระหว่างบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทในเครือ และบริษัททั่วไป
การที่จำนวนโครงการ จำนวนหน่วยขาย และมูลค่าการพัฒนาสูงมากในเดือนมิถุนายน 2562 นี้ ดร.โสภณ กล่าวว่าการนี้ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจดีขึ้น แต่แสดงว่าในช่วงที่ผ่านมา “อั้น” ไว้นาน ในเดือนมิถุนายน 2562 นี้ไม่มีวันหยุดราชการเลย จึงไม่มีเหตุการณ์หรืออะไรที่รบกวนการเปิดตัวโครงการ อย่างไรก็ตามในเดือนกรกฎาคม 2562 คาดว่าสถานการณ์จะหดตัวลงเล็กน้อย ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2562 นี้ยังมีรายชื่อโครงการเตรียมเปิดใหม่ไม่มากเท่าเดือนก่อน
นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มการเปิดตัวที่อยู่อาศัยในระดับราคาปานกลาง (3-5 ล้านบาท) มากเป็นพิเศษ เพราะระดับราคาต่ำมีจำกัด เนื่องจากผู้มีรายได้น้อย ขาดรายได้ ส่วนที่อยู่อาศัยระดับราคาสูงได้มีการเปิดตัวกันมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา