เรื่องกระเช้าขึ้นภูกระดึง ดู รมว.ทส. วราวุธ ดูกล้าๆ กลัวๆ ชอบกล ดร.โสภณ จึงขอยืมคำพูดของ ส.ส.สิระ เรียก “ไอ้น้อง” จงกล้าๆ หน่อย
มีข่าวว่า “รมว.ทส.เผยทำกระเช้าขึ้นภูกระดึง ต้องศึกษาละเอียด-ฟังทุกฝ่าย หากกระทบธรรมชาติ ไม่เอา” (https://bit.ly/2krHEw1) ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ในฐานะกลุ่ม “กระเช้าภูกระดึงเพื่อป่าและประชาชน” (https://bit.ly/2lYdeSE) ขอแสดงความเห็นว่าท่านรัฐมนตรีควรกล้าๆ หน่อย ไม่ต้องบอกก็ได้ว่า “หากกระทบธรรมชาติ ไม่เอา” ไม่ต้องรีบออกตัว กลัว NGOs ขนาดนั้นก็ได้ ออกตัวแบบนี้ จะทำประโยชน์เพื่อชาติได้จริงหรือ
ดร.โสภณ ขอยืมคำพูด “ไอ้น้อง” ของ ส.ส.สิระ เจนจาคะ อดีตเลขานุการของอดีตพุทธอิสระ ที่เรียกรองผู้กำกับตำรวจที่ภูเก็ต มาใช้กับท่านรัฐมนตรีว่า “ไอ้น้อง” ไม่ต้องกลัว “พี่” (โสภณ) จะมาบอกและรับรองความจริงให้ฟัง โดยเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2559 ดร.โสภณ ได้ทำจดหมายถึงนายกฯ ขอให้สร้างกระเช้าภูกระดึง (https://bit.ly/1povC3l) โดยสำรวจพบว่า ประชาชนในพื้นที่ถึง 97% ต้องการให้สร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง (ทางราชการเคยสำรวจได้ตัวเลขถึง 99%) เพราะ
1. ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม แค่เป็นการปักเสาเท่านั้น
2. การบริหารจัดเก็บขยะก็จะดีขึ้น
3. กลุ่มประชากรผู้สูงวัย ผู้พิการ เด็ก ก็สามารถขึ้นไปชมธรรมชาติได้
4. แรงงานแบกหามสัมภาระและนักท่องเที่ยวก็แก่ตัวลง แทบไม่มีคนหนุ่มสาวนิยมมาทำอาชีพแบกแล้ว
5. ค่าแบก 4,000 บาท ค่าขึ้นกระเช้าแค่ 500 บาท (https://bit.ly/2jF3bPf)
6. การมีกระเช้าจะกระตุ้นเศรษฐกิจและทำให้เกิดโอกาสอาชีพแก่ประชาชนกว้างขวางยิ่งขึ้น
7. ประชาชนจะยิ่งหวงแหนป่ามากขึ้นเพื่อให้คนไปเที่ยว
8. ป่าก็จะได้รับการดูแลจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากกระเช้านั่นเอง เป็นต้น
ที่ผ่านมามีการก่อสร้างกระเช้าและมีการพัฒนาบนดอยสูงเพื่อการท่องเที่ยวมากมายและประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งที่ไทยควรดูเป็นเยี่ยงอย่างเช่น บานาฮิลล์ ดานัง เวียดนาม (https://bit.ly/2z5H2Qw) นครเพอร์กามอน ประเทศตุรกี (https://bit.ly/2CiD7SD) กระเช้าเขาโมอิวา (Mt. Moiwa) นครซัปโปโร (https://bit.ly/2oT9rGx) เกนติ้งของมาเลเซีย (https://bit.ly/2Hq8W07) นอกจากนี้ยังมีกระเช้าอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ที่ซาปา ญาจาง ฟุก๊วก ของเวียดนาม ลังกาวีของมาเลเซีย และเซ็นโตซา สิงคโปร์ ฯลฯ ที่เป็นแบบอย่างที่ดี
รัฐบาลไม่พึงเพียงสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง แต่ควรพัฒนาให้ครบวงจรเพื่อการท่องเที่ยว เช่นที่บานาฮิลล์ ญาจัง ลังกาวี และอื่น ๆ จะทำให้ประเทศชาติได้ประโยชน์มหาศาล ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นการทำลายธรรมชาติ ยิ่งมีการพัฒนาที่เป็นระบบ ยิ่งมีการดูแลรักษาที่ดี ยิ่งมีกองทุนในการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายป่า และสามารถขยายป่าได้เพิ่มขึ้นด้วยเงินทุนจากการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวขนานใหญ่เช่นนี้
รัฐบาลพึงฟังเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนในพื้นที่ ไม่ใช่ไปฟัง NGOs ไม่ใช่ไปฟังพวก “ขุนพลอยพยัก” รอบข้าง หรือไปพวกพวกนักอนุรักษ์ไร้ราก