ในขณะนี้มีเครื่องรางปลาพะยูนชื่อ “มาเรียม” ออกมาขาย ดร.โสภณในฐานะผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน มาฟันธงตีราคา “มาเรียม” กันให้ “ตาสว่าง” กันหน่อย
มีข่าวว่า “เณรดอย ปลุกเสกเครื่องราง มาเรียม เสริมเมตตา อึ้ง 2 อาทิตย์ ยอดขายเพียบ. . .ฮือฮา.. คนแห่ซื้อเครื่องราง "มาเรียม" จากเณรดอย เจ้าของแผงพระเครื่อง หลังทำการปลุกเสก 2,081 ตัว ชี้พุทธานุภาพด้านเมตตามหานิยม เผยภายใน 2 สัปดาห์ เหลือแค่ 504 ตัว. . . เครื่องรางของขลังเป็นรูปพะยูน "มาเรียม" ออกวางจำหน่ายเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จำนวน 2,081 ตัว โดย 81 ตัว เป็นเนื้อเงิน ทำด้วยเงินแท้ ตัวละ 1,000 บาท และเนื้อทองผสม ตัวละ 200 บาท จำนวน 2,000 ตัว ทุกตัวมีการตอกรหัสและลงอักขระ ซึ่งผ่านการปลุกเสกจากเกจิอาจารย์สายวัดเขาอ้อ จ.พัทลุง จ.นครศรีธรรมราช และจังหวัดต่าง ๆ โดยให้พุทธานุภาพด้านเมตตามหานิยม และพุทธคุณ ใครเห็นใครรักใคร่เอ็นดู ทำมาค้าขึ้น และมีชื่อเสียงโด่งดัง”( https://bit.ly/2lN95k9)
มาเรียมนั้นเป็นพะยูนกำพร้า “ช็อกตายอย่างน่าสลดใจ หลังสัญญาณชีพหาย ต้องนำขึ้นมาปั๊มหัวใจจนกะพริบตา เพียงครู่เดียวอาการทรุดอีก แต่คราวนี้ยื้อชีวิตไม่ไหว ทีมสัตวแพทย์ผ่าชันสูตรซากถึงผงะพบเศษพลาสติก 8 ชิ้น อุดตันลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย เกิดการสะสมของแก๊สในทางเดินอาหาร มีการติดเชื้อในกระแสโลหิต ก่อให้เกิดความเจ็บปวดจนช็อก รมว.ทส.สั่งสตัฟฟ์ซากพะยูนน้อยเพื่อการศึกษาเรียนรู้และอนุรักษ์ ประกาศเร่งดำเนินการลดปริมาณขยะทะเล และทำแผนอนุรักษ์พะยูน” (https://bit.ly/2TQsca1)
กรณีนี้ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินค่าทรัพย์สิน กล่าวว่า ราคาซื้อขายตัวละ 1,000 บาทนั้น มีมูลค่าตามนั้นหรือไม่ การนี้สามารถประเมินได้จากความคุ้มค่า เช่น หากซื้อมา 1,000 บาท แล้วได้งานมา 100,000 บาท ปกติต้องจ่ายค่าแนะนำงานมา 1,000 บาท หรือ 1% ก็ถือว่าคุ้มค่ามาก ยิ่งถ้าได้งานมากกว่านี้ก็ยิ่งคุ้มค่าเข้าไปใหญ่ แต่กรณีนี้พิสูจน์ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส เป็นความไม่แน่นอน
แต่การซื้อแบบนี้ ทำให้เราสบายใจ เป็นการซื้อค่าความสบายใจทางหนึ่ง แม้จะไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่ก็ทำให้เราสบายใจขึ้น อย่างไรก็ตามค่าความสบายใจก็คงไม่ไได้มากขนาด 1,000 บาท อาจมีค่าเท่ากับการทานไอศกรีมสักแท่งหนึ่ง เป็นต้น ดังนั้นมูลค่าของสิ่งของที่ซื้อหรือเช่ามาจึงไม่ได้มากเท่าราคาที่จ่ายออกไปนั่นเอง เราจึงต้องตรองให้ชัด
คติของผู้ประเมินค่าทรัพย์สินมีว่า “Price Is What You Pay, Value Is What You Receive” ราคาคือสิ่งที่เราจ่ายออกไป ส่วนมูลค่าคือสิ่งที่เราได้รับ ราคาจ่ายออกไป 1,000 บาท เช่น ซื้อนาฬิกา 1 เรือน แต่มูลค่าอาจมากกว่านี้ เพราะคนขายร้อนเงิน จึงขายถูก หรือมูลค่าอาจต่ำกว่านี้ เราเสียค่าโง่ไปนั่นเอง เราจึงต้องวัดค่าให้ชัดเจนว่าสิ่งที่เราได้รับนั้นคุ้มไหม เช่น กรณีในอดีต จตุคามรามเทพ ก็เคยมีราคาสูง แต่ต่อมาราคาอาจติดลบเพราะต้องขนไปทิ้งเป็นเศษอิฐอยู่ข้างคลอง (https://bit.ly/2lFE9Tc) ดังที่เคยปรากฏเป็นข่าว เป็นต้น
ที่น่าตำหนิคือบรรดาเกจิอาจารย์ที่ไปปลุกเสกแบบนี้ นี่ไม่ใช่การทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นองค์ศาสดา พระองค์ไม่เคยให้สร้างรูปเคารพ แม้แต่พระพุทธรูปเอง ก่อนปรินิพพาน ทุกคนก็คงเคยอ่านพบข้อความที่ว่าให้ถือพระธรรมเป็นศาสดาแทนพระองค์ ไม่ใช่ให้ยึดถือกับวัตถุ การ “นิยมวัตถุ” จึงเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจและเป็นการสร้างความเขลาให้เกิดขึ้นและเพิ่มพูนในสังคมที่สมควรเป็นสังคมอุดมปัญญามากกว่า
ในกรณีเครื่องราง “มาเรียม” นี้ ในแง่ลบสุด อาจมีค่าติดลบ เพราะนอกจากเรามีเงิน 1,000 บาทมาซื้อแล้ว เราอาจยังมีความโง่ด้วย คนอื่นจะเสื่อมศรัทธาในตัวเราว่าเราเขลาไปเชื่อในสิ่งที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ทำลายชื่อเสียงของเรา ความเมตตาจากคนรอบข้างก็อาจหมดไปด้วย