เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่สัมภาษณ์บริษัทนายหน้าข้ามชาติ จูงใจให้นักลงทุนไทยไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษ เราต้องคิดให้ดี หาไม่จะตกเป็นเหยื่อ เพราะยังไม่รู้ระบบภาษีที่นั่น นี่อาจถือเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจทางหนึ่งที่สื่อไม่ควรร่วมก่อ!
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวว่า แม้ตนเองจะเคยเป็นที่ปรึกษาของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย แต่ก็ขอให้ความเห็นเกี่ยวกับการจูงใจของบริษัทนายหน้าข้ามชาติ (ไม่ใช่นายหน้าท้องถิ่นไทยทั่วไป) ที่ให้คนไทยไปลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างแดน โดยไม่รู้ข้อเท็จจริงมากนัก โดยเฉพาะด้านภาษีที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์
บริษัทนายหน้าข้ามชาติบางแห่งอาจพยายามจูงใจให้นักลงทุนไทยไปซื้อบ้านในอังกฤษ โดยให้ข้อมูลในด้านหนึ่งว่าราคาบ้านเพิ่มขึ้นจนน่าจูงใจเป็นอย่างยิ่ง และค่าเงินบาทของไทยแข็งค่า ทำให้สามารถซื้อทรัพย์ได้ในราคาถูกกว่าแต่ก่อน แต่การที่อังกฤษกำลังถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท)
ในแง่หนึ่งอังกฤษใจกว้างให้คนต่างชาติไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ เพราะคงหาใครไป "Take Over" ประเทศนี้ได้ยาก ต่างจากประเทศไทยที่มีมูลค่าน้อยกว่าอย่างเทียบไม่ติด และอาจถูก "ขาย" ได้ง่าย ๆ อย่างไรก็ตามในอังกฤษ ชาวต่างประเทศผู้ถือครองอสังหาริมทรัพย์ต้องเสียภาษีสูงมาก (http://bit.ly/1SX6Ser และดูที่ www.gov.uk/browse/tax) ได้แก่:
1. ภาษีจากการให้เช่าทรัพย์สินอาจสูงถึง 40% ของรายได้ต่อปี
2. ภาษีจากกำไรในการลงทุน (Capital Gains Tax) เช่น ซื้อมา 10 ล้านขายต่อ 15 ล้านบาท เงิน 5 ล้านที่กำไรต้องเสียภาษี โดยต้องเสียประมาณ 10-40% ของกำไรอีกต่างหาก
3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยมีอัตราสูงถึง 17.5% (ยกเว้นในกรณีเสียภาษีจากการให้เช่าแล้ว)
4. ภาษีมรดกจะเสียสำหรับทรัพย์สินที่มีค่าตั้งแต่ประมาณ 30 ล้านบาท โดยมีอัตราเพดานประมาณ 40% ของมูลค่า
5. ค่าธรรมเนียมโอน เสียประมาณ 1-3% ของมูลค่าทรัพย์สิน ยิ่งมีมูลค่าสูง ยิ่งต้องเสียมาก
6. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยแยกเสียตามชั้นของราคาของอสังหาริมทรัพย์ โดยปกติแล้วเสียประมาณ 1.5% ของมูลค่าทรัพย์สินในแต่ละปี
ดังนั้นในแง่หนึ่งเราต้องวางแผนภาษีให้ดีก่อนที่จะไปซื้อทรัพย์สินในกรุงลอนดอน ซึ่งในบางช่วงก็มีราคาตกต่ำอย่างหนักเช่นกัน (แม้บางช่วงจะเพิ่มขึ้นสูงมาก) ในอีกแง่หนึ่งหากรัฐบาลประยุทธ์ต้องการจะให้ต่างชาติมาซื้อหรือเช่าทรัพย์สินในประเทศไทย ก็ควรมีการจัดเก็บภาษีให้จงหนักเช่นในอังกฤษหรือประเทศตะวันตกอื่น ๆ อย่างไรก็ตามในประเทศไทย ผู้มีอำนาจอาจไม่ต้องการเสียภาษี ดังนั้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและภาษีอื่นๆ ข้างต้นจึงแทบไม่เกิดขึ้น ผู้มีอำนาจเหล่านี้คงไม่ใช่นักการเมืองเสียแล้ว เพราะตอนนี้ไม่มีนักการเมืองมาเกือบ 2 ปีเศษแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแต่ประการใด
อย่าไปเชื่อพวกนายหน้าข้ามชาติที่หวังแต่ค่าคอมฯ