ในเดือนกันยายน 2562 แม้ภาวะเศรษฐกิจยังอึมครึม แต่ภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล การเปิดตัวโครงการใหม่ซึ่งเป็นดัชนีสำคัญของตลาดจึงยังเพิ่มขึ้นพอสมควร
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวถึงภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในเดือนกันยายน มีการเปิดตัวเพิ่มขึ้น มีจำนวนโครงการเปิดขายใหม่ทั้งหมด 42 โครงการ ซึ่งเพิ่มขึ้น 8 โครงการจากเดือนสิงหาคมที่ผ่าน อีกทั้งจำนวนหน่วยขายและมูลค่าโครงการก็เพิ่มขึ้นตาม โดยเป็นที่อยู่อาศัยทั้ง 42 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายรวม 10,273 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 39,362 ล้านบาท
ประเภทที่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุดในเดือนนี้เป็นอาคารชุด โดยมีจำนวนหน่วยเปิดขายรวม 3,941 หน่วย (38.4%) รองลงมาคือ ทาวน์เฮ้าส์ 3,313 หน่วย (32.2%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว 2,452 หน่วย (23.9%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด
ทำเลที่มีการเปิดขายใหม่ในเดือนนี้ส่วนใหญ่ สำหรับอาคารชุดจะตั้งอยู่ในบริเวณตามแนวรถไฟฟ้าที่กำลังจะเปิดใช้ใหม่บริเวณถนนอรุณอมรินทร์ ถนนพรานนก ถนนสุขุมวิทตอนปลาย ส่วนที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีการเปิดใหม่ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เขตติดต่อเมือง เช่น บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ถนนติวานนท์ ถนนกาญจนาภิเษก ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนบางนา-ตราด ถนนหทัยราษฎร์ และรวมถึงพื้นที่รอบนอก เช่น ถนนรังสิต-นครนายก ถนนลำลูกกา ถนนพุทธมณฑลสาย 5 เป็นต้น
มูลค่ารวมของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดใหม่ในเดือนกันยายน 2562 นี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 39,362 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาจำนวน 13,222 ล้านบาท (เดือนสิงหาคม 2562 มีมูลค่า 23,141 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 51% ซึ่งในเดือนนี้ลักษณะการพัฒนาที่อยู่อาศัยจะแตกต่างกับเดือนที่ผ่านมา โดยจะพบว่าสินค้าที่เข้าสู่ตลาดในเดือนนี้มีสินค้าระดับปานกลางถึงค่อนข้างสูง เป็นสำคัญ ซึ่งราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของเดือนนี้มีราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 3.832 ล้านบาท แต่เดือนที่ผ่านมามีราคาขายเฉลี่ยที่ 3.327 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูงเป็นสำคัญ
ภาพรวมโครงการที่เปิดขายใหม่ในเดือนนี้จะมีจำนวนหน่วยขาย มูลค่าโครงการ และราคาขายเฉลี่ยต่อ
ยูนิตเพิ่มขึ้น (ประมาณ 15.2%) เนื่องจากการพัฒนาในเดือนนี้มีจำนวนหน่วยขายที่มีราคาขายตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 4,371 หน่วย หรือประมาณ 42.5% ของหน่วยขายทั้งตลาด จึงทำให้ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยโดยรวมของเดือนนี้เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายเฉลี่ยของเดือนก่อน ซึ่งราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของเดือนนี้มีราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 3.832 ล้านบาท แต่เดือนที่ผ่านมามีราคาขายเฉลี่ยที่ 3.327 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูงเป็นสำคัญ