พล.อ.ประยุทธ์ และ ดร.สมคิดออกมาบอกว่าไทยควรถูกเลิก GSP มานานแล้ว เพราะประเทศรวยขึ้น จริงหรือ
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้ให้ความเห็นต่อกรณี พล.อ.ประยุทธ์ และ ดร.สมคิดออกมาบอกว่าไทยควรถูกเลิก GSP มานานแล้ว เพราะประเทศรวยขึ้นว่า เป็นการนำเสนอที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
GSP คืออะไร “ย่อมาจาก (General of System of Preferences) คือ “สิทธิทางภาษีที่ประเทศที่พัฒนาแล้วบางประเทศให้กับประเทศที่กำลังพัฒนาทั้งหลาย” โดยไม่ต้องเสียภาษีสินค้านำเข้าบางรายการ เมื่อส่งสินค้าไปขายในประเทศผู้ให้สิทธิ อีกทั้งเพื่อให้ประเทศที่กำลังพัฒนาสามารถส่งออกสินค้าไปแข่งกับสินค้าจากประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือแข่งกับประเทศที่มีความสามารถในการผลิตสินค้าได้ราคาถูกและมีประสิทธิภาพ เช่น จีน เป็นต้น” (https://bit.ly/2qZIP91)
การตัด GSP ประเทศไทย กระทบมูลค่าส่งออก 4.35 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากมูลค่าการค้าทั้งหมด 23.38 พันล้านเหรียญหรือประมาณ 18.6% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดในปี 2561 (https://bit.ly/32520ed) ทั้งนี้โดยข้ออ้างว่าไทยมีปัญหาด้านสิทธิแรงงาน ทั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับที่สหรัฐตอบโต้ไทยที่ “ถือหาง” จีนตามที่มีการบิดเบือนกันเลย
ประเทศไทยถูกจัดจีเอสพีมาเป็นระยะๆ เพราะประเทศพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในยุคทักษิณ แม้แต่ในช่วงต้นของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ เศรษฐกิจเติบโตถึง 7.2% ในปี 2555 อย่างไรก็ตาม ในยุครัฐบาลประยุทธ์ เศรษฐกิจขยายตัวเพียง 2% ถึง 4% ต่อปีเท่านั้น ในปี 2562-3 เศรษฐกิจไทยเติบโต ในอัตราที่ถดถอยลงเป็นอย่างมาก การตัดจีเอสพีในช่วงนี้จึงไม่ใช่เป็นเพราะเศรษฐกิจของไทยในขณะนี้ดี
การตัดจีเอสพีนี้ รัฐบาลก็รู้ล่วงหน้าแล้ว (https://bit.ly/3367uXC) คงไม่ใช่แค่รู้เรื่องนี้ 1-2 เดือน แต่ทั้งสองประเทศ คงได้ผ่านการปรึกษากันมาเป็นระยะๆ อันที่จริงรัฐบาลควรแจ้งแก่ประชาชนและผู้ประกอบการเพื่อการเตรียมตัวไม่ใช่ปล่อยให้สหรัฐอเมริกาประกาศให้ประชาชนรู้ก่อน กรณีนี้เป็นความบกพร่องในการบริหารรัฐกิจ ที่ผ่านมาสหรัฐิเมริกา ให้ จีเอสพีนับสิบๆ ประเทศบราซิล ซึ่งมีรายได้ใกล้เคียงไทย และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าไทยก็ยังได้จีเอสพีจากสหรัฐอเมริกา
ดังนั้นการพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ และ ดร.สมคิดที่ออกมาบอกว่าไทยควรถูกเลิก GSP มานานแล้ว เพราะประเทศรวยขึ้น จึงเป็นการพูดความจริงบางส่วนเท่านั้น