AREA แถลง ฉบับที่ 55/2555: 10 พฤษภาคม 2555
อย่าปราบทุจริตด้วยศาสนา อาจเท่ากับช่วยอาชญากร
ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ถ้าไม่มีการทุจริตและประพฤติมิชอบ ก็จะทำให้ราคาสินค้าบ้านไม่แพงจนเกินไป ประชาชนสามารถมีบ้านได้ การรณรงค์เรื่องการปราบปรามการทุจริตจึงควรมีในวงการนี้ด้วยเช่นกัน
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้เดินทางไปทัศนศึกษายังประเทศอินเดียในฐานะนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส) รุ่นที่ 2 ของสำนักงานคณะกรรมการ ปปช ได้สังเกตว่าประชาชนที่นั่นส่วนใหญ่ต่างยึดถือศาสนาอย่างเหนียวแน่น แต่กลับมีการทุจริตเกิดขึ้นมากมาย ดัชนีความโปร่งใส หรือ Corruption Perception Indexs (CPI) ก็ค่อนข้างต่ำ คือได้คะแนนเพียง 3.1 เต็ม 10
ท่านวิชา มหาคุณ กรรมการ ปปช. ซึ่งเป็นอาจารย์ที่นำคณะทัศนศึกษาในครั้งนี้ ท่านให้ความกระจ่างว่า ศาสนานั้นน่าจะมีส่วนในแง่ของการป้องกัน แต่เรื่องปราบปรามแล้วใช้ศาสนาอย่างเดียวน่าจะไม่เพียงพอ ต้องมีปัจจัยอื่นเสริมความเข้มแข็งด้วย
จากข้อมูลดัชนีความโปร่งใสประจำปี 2554 <1> และข้อมูลอัตราของผู้ไม่มีศาสนาในแต่ละประเทศ <2> พบว่าประเทศที่มีการทุจริต ขาดความโปร่งใสที่สุด 20 ประเทศแรก (ยกเว้นเกาหลีเหนือ) ประชากรเกือบทั้งหมด (99.4%) ต่างนับถือศาสนา มีเพียง 0.6% เท่านั้นที่ระบุว่าไม่มีศาสนา แต่ในทางตรงกันข้าม ประเทศที่มีความโปร่งใสที่สุด 20 ประเทศแรก (ยกเว้นนอร์เวย์และเดนมาร์ก) ปรากฏว่ามีประชากรถึง 30% ที่ไม่ได้นับถือศาสนาใด
เมื่อพิจารณาในรายละเอียด เช่นในกรณีศาสนาพุทธที่เราคุ้นเคย จะพบว่าประเทศพม่า ลาว กัมพูชา ล้วนเป็นประเทศที่ประชากรเกือบทั้งหมดนับถือศาสนาพุทธเช่นประเทศไทย แต่ก็มีดัชนีความโปร่งใสต่ำมาก ประเทศที่เหนียวแน่วในศาสนาฮินดู เช่น เนปาล และอินเดีย ก็มีปัญหาการทุจริตมากมายเช่นกัน แต่ประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ระบุว่า ‘ไม่นับถือศาสนา’ กลับมีดัชนีความโปร่งใสสูงอยู่ระดับต้น ๆ ของโลก ประกอบด้วย ประเทศญี่ปุ่น เชค เอสโทเนีย เนเธอร์แลนด์ ฮ่องกง และเกาหลีใต้ นอกจากนี้ ประเทศที่มีประชากรเกินหนึ่งในสามจนถึงเกือบครึ่งหนึ่งที่ไม่มีศาสนา แต่ประเทศโปร่งใสมากประกอบด้วย ฝรั่งเศส มาเก๊า เบลเยียม เยอรมนี นิวซีแลนด์ และสหราชอาณาจักร
ประเทศที่ในอดีตขึ้นชื่อด้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ เช่น เกาหลีใต้ และโดยเฉพาะฮ่องกง <3> ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการ ปปช. ถึงกับเชิญมาแสดงปาฐกถาเมื่อปี 2553 นั้น ไม่ได้ใช้ศาสนามากล่อมเกลาให้หยุดการทุจริต เพราะประชาชนส่วนใหญ่ระบุชัดว่าไม่ได้นับถือศาสนาไหน ความสำเร็จของการปราบปรามการทุจริตเกิดจากการที่หน่วยงานปรามปรามการทุจริตเร่งดำเนินการอย่างจริงจังโดยมีกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวด ทำให้โอกาสการทุจริตมีน้อยลงและค่อย ๆ ลดลงไปในที่สุด
กลับกันมาดูประเทศที่อุดมด้วยศาสนา ไม่ว่าจะเป็นไทย ลาว พม่า เขมร เนปาล อินเดีย ศาสนสถานก็มีอยู่แทบทุกหมู่บ้าน มีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอย่างต่อเนื่องเคร่งครัด แต่การที่ประชากรในประเทศเหล่านี้ระบุว่าตนเป็นศาสนิกชนก็ใช่ว่าจะปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดีที่ไม่กระทำการทุจริต บางครั้งศาสนิกชนที่ดีบางส่วนก็อาจถือว่า ‘ธุระไม่ใช่’ จึงไม่ขัดขวางการทุจริตหรือไม่ร่วมกับสังคมต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ การทุจริตจึงเกิดขึ้นดาดดื่นในประเทศเหล่านี้เสมือนหนึ่งเป็นประเทศที่ไร้ศีลธรรมจรรยา
ในอีกนัยหนึ่ง ศาสนาอาจเป็นเพียงเครื่องมือในการปกครองประเทศ ดูอย่างในประเทศอินเดีย ความเชื่อทางศาสนาสามารถใช้ควบคุมประชาชนให้อยู่ในกรอบ แม้ประชาชนผู้อยู่ในวรรณะระดับล่างสุดก็ยังยึดถือในคำสอนของศาสนาโดยเคร่งครัดโดยไม่กล้ากบฏหรือปฏิวัติความคิดของตนเอง การยึดมั่นในชนชั้นวรรณะตามหลักศาสนากลับเป็นการช่วยชนชั้นผู้ได้เปรียบได้มีโอกาสอยู่ในสถานะนี้นาน ๆ มากกว่าจะเพื่ออำนวยประโยชน์ทางโลกแก่ประชาชนส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตามบางท่านอาจโต้แย้งว่า คนที่ระบุตนว่าเป็นศาสนิกชนนั้น อาจเป็นเฉพาะในนามเท่านั้น แต่ไม่ปฏิบัติธรรม จึงไม่ได้นำคำสอนที่ดีงามต่าง ๆ ตามหลักศาสนาของตนมาใช้ แต่ก็น่าแปลกที่บุคคลที่ระบุว่าตนว่าไม่นับถือศาสนาใด กลับดูประหนึ่งมีธรรมในหัวใจ ปฏิบัติตนตามทำนองคลองธรรมได้อย่างไร
การรณรงค์กล่อมเกลาคนด้วยศาสนานั้น คงได้ผลกับเยาวชนเป็นหลัก ถือเป็นการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมที่ดี เป็นมาตรการป้องกันในระยะยาว เราพึงทำความเข้าใจใหม่ว่าปัญหาและความเดือดร้อนของสังคมในทุกวันนี้ ไม่ใช่อยู่ที่คนส่วนใหญ่ทำดีน้อยไป แต่อยู่ที่อภิสิทธิ์ชนคนส่วนน้อยทุจริตทำผิดกฎหมายโดยไม่ได้รับการลงโทษต่างหาก คนส่วนใหญ่ก็คือ “ปุถุชน” หรือผู้มีกิเลสหนา อย่าพึงเน้นรณรงค์แต่การละความผิดบาปเล็ก ๆ น้อย ๆ ของปุถุชน จนกระทั่งเขวไปนึกว่าทำหน้าที่ครบถ้วนแล้วโดยละเลยการปราบปรามการทุจริต
ในท่ามกลางการทำสงครามกับการปรามปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการที่ประเทศชาติต้องเอาชนะให้ได้โดยเร็วก่อนจะสายเกินแก้นั้น การปราบปรามมีความสำคัญที่สุด และเครื่องมือในการปราบปรามรวมทั้งการป้องกันก็คือ การมีระบบตรวจสอบการทุจริตที่มีประสิทธิภาพสูง ทันการและเที่ยงธรรม
ยิ่งกว่านั้น ท่านอาจารย์วิชา มหาคุณ ยังได้ให้ข้อคิดสำคัญว่านอกจากการตรวจสอบแล้วก็ยังมีเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด การให้ค่าตอบแทนและสวัสดิการที่เพียงพอแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งการคุ้มครองพยาน และการไม่มีอายุความในคดีทุจริต เป็นต้น
ประเทศไทยต้องเร่งรณรงค์ปราบปรามการทุจริตให้เข้มแข็ง ต้อง ‘เชือดไก่ให้ลิงดู’ คอยตรวจสอบ ตรวจจับการทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างต่อเนื่อง-เกาะติด เผยแพร่ความรู้และเร่งสร้างความตระหนักรู้ของประชาชนต่อการร่วมต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ การจุดไฟให้สว่าง สร้างความโปร่งใสให้ขยายตัวออกไปเรื่อย ๆ ความมืดก็จะหมดไป
ผีย่อมกลัวแสงสว่าง!
หมายเหตุ
<1> ดัชนีความโปร่งใส หรือ Corruption Perceptions Index (CPI) ซึ่งดำเนินการทุกปีโดย the Transparency International โดยผลการสำรวจปีล่าสุด ปรากฏที่ http://cpi.transparency.org/cpi2011/results/#CountryResults
<2> Wikipedia. Religions by Country. http://en.wikipedia.org/wiki/Religions_by_country
<3> Change Fusion. แนวทางต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น กรณีศึกษา : ฮ่องกง & เกาหลีใต้ ข้อเสนอแนะเชิงยุทธศาสตร์ http://www.spt-th.com/attachments/2403_8_%20Change%20Fusion.pdf
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน |