น่าสงสารประเทศไทยจริงๆ พล.อ.ประยุทธ์ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจจริงๆ จึงติงคนไทยหมดเงินแต่งตัว เสริมจมูก ทั้งที่เป็นกิจกรรมที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับคนจนนัก และเป็นการสร้างทุนมากกว่าเป็นค่าใช้จ่าย ความไม่รู้ของท่านนายกฯ เป็นอันตรายอย่างมากต่อประเทศชาติ เพราะคงอับจนปัญญา พาชาติไปสู่ความเจริญได้ยากมาก
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ไปเป็นประธานในพิธีเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานเปิดตัว เครือข่ายเพื่อความยั่งยืนประเทศไทย (Thailand Responsible Business Network: TRBN) ณ ห้องคริสตัล ฮอลล์ ชั้น 3 โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก (https://bit.ly/2E4X0g8) ท่านได้ “ติงคนไทยหมดเงินแต่งตัว เสริมจมูก แนะทำความดี” (https://bit.ly/2E4aZ64) กรณีนี้แสดงว่าท่านนายกฯ ขาดความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ
ผมอยากบอกว่า ท่านพูดแบบ “ไร้เดียงสา” “ไร้ความคิด” จึงดู “ไร้ค่า” จริงๆ ท่านพูดด้วยความไม่รู้ ความเขลาก็ว่าได้ เรามาดูความจริงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่รู้ และพูดจาส่งเดชแบบ “ผีเจาะปาก” หรือ “กลอนพาไป” ซึ่งการพูดแบบนี้ “ทุเรศ” “น่าสงสาร” กว่าการหลุดพูดว่า “จังหวัดหาดใหญ่” เสียอีก เรามาดูความจริงกัน
1. สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (International Society of Aesthetic Plastic Surgery หรือ ISAPS) ได้เปิดเผยรายงานศัลยกรรมตกแต่งเสริมสวยระดับโลกสำหรับปี 2561 เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562 พบว่าไทยติดอันดับ 10 ในธุรกิจเสริมความงาม (https://bit.ly/2rmyDYT)
2. การเสริมจมูกมีสัดส่วนเป็น 11% ของกิจกรรมเสริมความงามทั้งหมด ไม่ใช่กิจกรรมอันดับแรกตามที่นายกฯ เข้าใจ กิจกรรมอื่นที่มีสัดส่วนสูงกว่าการทำจมูกก็ได้แก่การผ่าตัดตา และผ่าตัดเสริมหน้าอก (https://bit.ly/2YzRBr1 หน้า 24)
3. มูลค่ารวมตลาดศัลยกรรมไทยเมื่อ 6 ปีที่แล้ว มีมูลค่ารวม 19,500 ล้านบาท แต่มาปีนี้มูลค่าตลาดศัลยกรรมของไทยเพิ่มขึ้นถึง 85% หรือคิดเป็นมูลค่า 36,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2562 มูลค่าตลาดศัลยกรรมความงามไทย จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปอีก 10 - 20% ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะอยู่ในสภาวะใดก็ตาม (https://bit.ly/2rv24rD) แสดงว่าธุรกิจนี้ไม่ได้ทำให้ไทยจนลง
4. สถาบันคีนันระบุว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพของไทย (ซึ่งรวมการเสริมความงาม เสริมจมูก) มีชาวต่างประเทศเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก สร้างรายได้มหาศาลกับประเทศไทยในแต่ละปี (https://bit.ly/2rvQTiq) จึงเป็นธุรกิจที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมาก ข้อนี้ท่านนายกฯ คงไม่ทราบ
5. การเพิ่มความสวยยังเป็นการลงทุนเพื่อใช้งานประกอบอาชีพ เช่น เป็นพริตตี้ ซึ่งทำให้เกิดการสร้างรายได้ (https://bit.ly/355IdxD) มากกว่าการเป็นค่าใช้จ่ายตามที่ท่านนายกฯ เข้าใจผิดๆ
การที่ท่านนายกฯ พูดแนะให้ทำความดีเพื่อเพิ่มความสวยงามนั้น ถือเป็นการพูดตามความจำ (ที่ยังจำไม่คล่อง พูดผิดๆ ถูกๆ นึกอยู่ตั้งนานจนดูน่าอนาถและน่าขบขัน) ท่านพูดแบบติดๆ ขัดๆ ได้เพียงว่า “คนจะงาม งามที่ใจ ใช่ใบหน้า” แต่คำเต็มๆ ก็คือ “คนจะงาม งามที่ใจ ใช่ใบหน้า คนจะสวย สวยจรรยา ใช่ตาหวาน คนจะแก่ แก่ความรู้ ใช่อยู่นาน คนจะรวย รวยสินทาน ใช่บ้านโต”
ส่วนการทำความดี ทำให้คนเราได้รับการยกย่อง เป็นความงามจากภายใน เป็นเรื่องของการมีความทรงคุณค่า มีจิตใจที่งดงาม ไม่ได้ทำให้คนเราสะสวยขึ้นแต่อย่างใด เป็นคนละเรื่องกัน ไม่ควรเอามาปะปนกัน ความงามของคนเรานั้น มักเกิดจากความอ่อนเยาว์ แม้จะเป็นสิ่งชั่วคราว เป็นกิเลสของปถุถชนทั่วไป แต่ทุกคนไม่ว่านายกฯ หรือชาวบ้านก็ล้วนไม่ได้บรรลุโสดาบัน ไม่ได้เป็นอรหันต์ ก็ต่างมีกิเลสด้วยกันทั้งนั้น
การที่ท่านนายกฯ ไม่เข้าใจเศรษฐกิจ ไม่เข้าใจสำนวนไทย และอื่นๆ แสดงว่าท่านไม่รอบรู้ จึงน่าเป็นห่วงว่าจะบริหารบ้านเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผลหรือไม่ จะพาประเทศชาติเข้ารกเข้าพงหรือไม่ แต่บางท่านก็อาจแย้งว่าท่านมีคณะที่ปรึกษา มีทีมเศรษฐกิจที่ดี แต่คนเหล่านั้นมีฝีมือหรือดีจริงหรือไม่ ทำไมปล่อยให้นายกฯ ออกมาพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดอยู่เนืองๆ และถึงแม้มีทีมเศรษฐกิจ (ที่ไม่รู้ดีจริงหรือไม่) แต่ก็ไม่อาจประกันได้ว่าท่านนายกฯ จะนำพาประเทศชาติได้ตลอดรอดฝั่ง
แต่ที่แน่ๆ ก็คือความไม่รู้ของท่าน ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ขาดความภูมิใจในนายกรัฐมนตรี