กรณี ครู ผอ.โรงเรียนที่ปล้นร้านทองและยิงจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ให้ข้อคิดในด้านลูกจ้าง-นายจ้างได้ว่า นายจ้างต้องตรวจสอบสถานะทางการเงินของลูกจ้างอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องปัญหาการทุจริตหรือการก่ออาชญากรรม

            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ในฐานะที่เคยเป็นรองประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย และขณะนี้ยังเป็นกรรมการสภาองค์การนายจ้างฯ อยู่ กล่าวว่า ในกรณีครู ผอ.โรงเรียนที่ก่ออาชญากรรมนั้น ตามข่าวกล่าวว่า ครูผู้นี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เช่นข่าว “ที่แท้ปล้นใช้หนี้ 2 ล้าน! แฉผอ.กอล์ฟหรูหรา ถอยบีเอ็ม Z4 เปย์สาวๆ จนเงินขาดมือ” และ “เปิด “เงินเดือน” ผอ.ประสิทธิชัย อัปค่าตำแหน่ง หนี้บาน หักยับ เหลือใช้ไม่กี่บาท” <2>

อ้างอิง

            ในฐานะนายจ้างในนามของศูนย์ข้อมูลฯ ที่มีเพื่อนร่วมงานอยู่ 120 คน ให้ข้อคิดว่า นายจ้างมีความจำเป็นต้องคอยตรวจสอบฐานะของลูกจ้าง โดยอาศัยเครือข่ายสังคมของลูกจ้างเอง ถ้าหากมีหนี้สินมากผิดปกติ มีบัตรเครดิตเป็นจำนวนมาก ต้องหมุนเงินอยู่ร่ำไป มีหนี้สินรุงรัง พนักงานแบบนี้มีโอกาสกระทำทุจริตกับบริษัท หรืออาจก่ออาชญากรรมได้เช่นเดียวกับครูดังกล่าว  ถ้าไม่สามารถโกงบริษัท ก็อาจโกงเพื่อนร่วมงานด้วยกัน เช่น เปียแชร์แล้วหนีไป กู้หนี้ยืมสินแล้วหนีไป เป็นต้น  กรณีนี้อาจไม่ทำให้บริษัทเสียหายโดยตรง แต่ในเมื่อมีเพื่อนร่วมงานจำนวนหนึ่งถูกโกง เพื่อนร่วมงานเหล่านั้นก็คงมีพลังในการทำงานลดต่ำลง เป็นปัญหาต่อบริษัทได้เช่นกัน

            อย่างไรก็ตามในกรณีของครู ผอ..โรงเรียนท่านนี้หรือครูอื่นๆ หรือข้าราชการทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการส่วนท้องถิ่น หรือพนักงานองค์กรอิสระอื่นๆ อาจไม่มีกลไกในการตรวจสอบสถานะทางการเงินรายบุคคลที่รัดกุมพอ จึงไม่มีกลไกในการป้องปรามการทำอาชญากรรมของข้าราชการที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับในกรณี ผอ.โรงเรียนท่านนี้  จึงสมควรที่จะมีกลไกการตรวจสอบที่ดีในอนาคต

อ้างอิง

<1> ข่าวสด 23 มกราคม 2563 https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_3446164

<2> ไทยรัฐ 23 มกราคม 2563. https://www.thairath.co.th/news/local/central/1754435