ตั้งแต่เซเว่น-อีเลฟเว่นพยายามเลิกแจกถุงพลาสติก สังคมก็มีทัศนะที่แตกต่างกันไปมากมาย เรามาดูกันว่าเมืองนอกเขาทำกันอย่างไรและนำมาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างไรด้วย
ผู้เขียนเคยพาคณะไปดูงานการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาเมืองในญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน สิงคโปร์และมาเลเซีย ได้พบเห็นการกำจัดขยะและการนำสิ่งที่เหลือจากการกำจัดมาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้อีกด้วย ในกรณีประเทศไทย เรายังสามารถนำมาสร้างเขื่อนแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมซ้ำซากได้อีกเช่นกัน เรามาศึกษากันดูว่าเราจะแปลงสิ่งที่เป็นลบให้เป็นบวกได้อย่างไรบ้าง
ยิ่งในปัจจุบันมีปัญหาฝุ่นจิ๋วที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง บางท่านหรือนำมาพัวพันกับปัญหาการกำจัดขยะทำให้แนวทางการเผาขยะกลายเป็นสิ่งต้องห้าม แต่แท้จริงแล้วประเทศเพื่อนบ้านเผาขยะอย่างมีประสิทธิผลและปราศจากมลพิษได้อย่างไร และถึงแม้ว่ากรุงเทพมหานครจะสั่งให้รถทุกคันหยุดวิ่งสัก 10 วันก็อาจไม่ทำให้ฝุ่นพิษหายไป เพราะฝุ่นพิษเกิดจากการเผาไหม้ ซึ่งกำลังเกิดขึ้นและแพร่กระจายอย่างหนักทั่วอาเซียนโดยเฉพาะในประเทศกัมพูชา ลาว พม่าและไทย
ในทำนองเดียวกับสิงคโปร์ในยามที่มีปัญหาหมอกควันซึ่งเกิดขึ้นแทบทุกปี ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมากเช่นกัน สมมติว่าสิงคโปร์หยุดกิจกรรมทุกอย่างที่ก่อให้เกิดควันและฝุ่น ห้ามรถวิ่งในสิงคโปร์ ปิดโรงงานสัก1 สัปดาห์ 1 เดือน ก็แก้ปัญหาอากาศเสียในสิงคโปร์ไม่ได้ เนื่องจากหมอกควันเหล่านั้นมาจากการเผาป่าในเกาะสุมาตราในอินโดนีเซีย แต่พัดพามาถึงประเทศสิงคโปร์นั่นเอง ลำพังการฉีดน้ำเป็นฝอยๆ ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้มากนัก จะแก้ไขปัญหาได้ จึงไม่ใช่เรื่องเฉพาะเมืองใดเมืองหนึ่งที่จะทำ หาไม่เราก็จะแก้ไขปัญหาแบบไร้ทิศผิดทางไป
สำหรับประเทศญี่ปุ่น ในแต่ละปีญี่ปุ่นมีขยะพลาสติกประมาณ 9 ล้านตัน โดยนำไปรีไซเคิล 84% ผ่าน 3 แนวทางหลัก คือ ประการแรกเป็นการแปรรูปเป็นวัสดุอื่น เช่น นำไปทำเก้าอี้นั่งตามสถานีรถไฟ ญี่ปุ่นใช้วิธีการนี้ประมาณ 23% แต่เมื่อหมุนเวียนมาก ๆ คุณภาพพลาสติกจะยิ่งลดลงและใช้ได้ยากขึ้น ประการที่สองรีไซเคิลทางเคมี คือ การนำไปสลายโมเลกุลให้เป็นวัตถุดิบพลาสติกอีก แต่ในกรณีนี้นี้ก็ดำเนินการได้ยากเช่นกัน และปัจจุบันทำแค่เพียง 4% เท่านั้น ส่วนวิธีที่ 3 ก็คือการเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน โดยการส่งเข้าเตาเผาและนำความร้อนไปใช้ประโยชน์ เช่น ผลิตไฟฟ้า ให้ความอุ่นแก่สระน้ำ ญี่ปุ่นทำส่วนนี้ 57% ของปริมาณทั้งหมดที่รีไซเคิล <1>
โรงงานกำจัดขยะโตชิมา หรือ The Toshima Incineration Plant (豊島清掃工場) ตั้งอยู่ในเขตคามิ-อิเคบูคูโร เมืองโชติมาในมหานครโตเกียวของญี่ปุ่น มีพื้นที่ประมาณ 7.5 ไร่เท่านั้น สามารถกำจัดขยะได้ประมาณ 400 ตันต่อวัน ในโรงงานแห่งนี้มีสถานออกกำลังกาย (Fitness Center) ขนาดใหญ่เพื่อเอาใจประชาชนโดยรอบ สระว่ายน้ำของที่นี่เป็นระบบน้ำอุ่นที่เอาความร้อนมาจากการกำจัดขยะ นอกจากนี้โรงงานแห่งนี้ยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 7,800 กิโลวัตต์ โดยสามารถใช้สำหรับครัวเรือนในพื้นที่โดยรอบได้ราว 20,000 หลัง ทั้งนี้ปล่องของโรงงานแห่งนี้มีความสูงถึง 210 เมตร <2>
สำหรับในประเทศสิงคโปร์ ก็มีการเผาขยะเพื่อสร้างพลังงานความร้อน มีการนำขยะไปถมทะเลเพื่อสร้างเกาะ โดยมีเกาะแห่งหนึ่งชื่อ Palau Semakau เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากสิงคโปร์ไปทางใต้ประมาณ 8 กิโลเมตร ขยะจำนวนมากที่ผ่านการบำบัดแล้ว ได้ถูกนำมาทิ้งที่เกาะแห่งนี้ มีการก่อสร้างถนนขนาดกว้าง 10 เมตรบนเกาะแห่งนี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีการปลูกต้นไม้มากมายเพื่อให้แลดูสงบร่มรื่น <3> ท่านที่สนใจสามารถให้ทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติสิงคโปร์พาไปทัศนศึกษาได้ ขณะนี้อาจกล่าวได้ว่าเกาะแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่แปลกตาหรือ Unseen ในสิงคโปร์ไปแล้ว
ไต้หวันก็ใช้ถุงพลาสติกกันเกร่อไม่แพ้ญี่ปุ่น และเกาหลี แต่เขานำพลาสติกไปแปรรูปเป็น POLLI-Bricks <4> ซึ่งสามารถเป็นวัสดุก่อสร้างที่แข็งแรง และสามารถนำไปใช้ร่วมกับวัสดุอื่นได้อีกด้วย <5> ประเทศที่ก้าวหน้ากว่าไทย เขาไม่ได้ “บ้าจี้” ตามกระแสของพวกเอ็นจีโอที่ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมแต่ทำลายโอกาสของประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ให้ต้องยุ่งยากกับการมีภาระเสียต้นทุนในการจัดการกับขยะด้วยตนเอง แต่กำจัดขยะโดยส่วนรวม และให้เกิดผลดีต่อส่วนรวม
ในประเทศไทย ก็มีการรณรงค์ให้ใช้กระทงจากวัสดุที่ย่อยสลายได้ง่ายเช่น ต้นกล้วย ขนมปัง แต่ในความเป็นจริง วัสดุเหล่านี้เน่าเสีย ส่งผลต่อปัญหาน้ำเน่าเสียในแม่น้ำลำคลองในระหว่างการย่อยสลายตามความเข้าใจของพวก “โลกสวย” ครั้งหนึ่งนายสมัคร สุนทรเวช ก็พยายามส่งเสริมให้มีการลอยกระทงในสวนสาธารณะด้วยกระทงโฟม ซึ่งจัดเก็บได้ง่าย ไม่จมน้ำเหมือนวัสดุธรรมชาติที่ก่อให้เกิดการเน่าเสียของน้ำ และยังสามารถนำโฟมที่เก็บได้ไปใช้ประโยชน์ทางอื่น เช่น เป็นส่วนผสมของวัสดุในการซ่อมแซมถนน เป็นต้น <6>
ในโลกนี้มีเขื่อนขนาดใหญ่มากมายที่สร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ บ้างก็อยู่บนยอดของเนินเขา เพื่อการไหลเวียนของน้ำ แล้วเอามาผลิตไฟฟ้า ในมลรัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา มีเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำขนาดยักษ์ชื่อ Taum Sauk ใช้เพื่อการผลิตไฟฟ้า และกักเก็บน้ำไว้ใช้ ปรากฏว่าครั้งหนึ่งได้แตกของทางมุมหนึ่ง น้ำไหลทะลักจนป่าไม้โดยรอบพังทลายไปในพริบตา บ้านเรือนชาวบ้านถูกน้ำพัดพังเสียหาย แต่ในที่สุดก็ได้ก่อสร้างใหม่ให้แข็งแรงกว่าเก่า นี่ถ้าเกิดขึ้นในประเทศไทย ก็คงถูกสาปส่งไปแล้ว แต่ในประเทศตะวันตก เขามุ่งเอาชนะธรรมชาติ <7>
ในยุคสมัยปัจจุบัน หากเราสามารถนำขยะไปย่อยสลาย ทำไฟฟ้าไว้ใช้อย่างในญี่ปุ่น สิงคโปร์และอื่นๆ แล้วนำส่วนที่เหลือไปสร้างอ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนขนาดใหญ่ในบริเวณภาคกลางตามลุ่มน้ำเจ้าพระยา ก็จะสามารถใช้เป็นสถานที่กักเก็บน้ำได้ โดยไม่ต้องไปนำดินจากที่อื่นมาก่อสร้างเขื่อน แต่อย่างใด ยิ่งหากสามารถสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ได้ ก็ยิ่งกักเก็บน้ำได้มาก ในหน้าฝน ก็จะได้กักเก็บน้ำไว้ป้องกันน้ำท่วม ส่วนในหน้าแล้ง ก็จะสามารถนำน้ำสำรองเหล่านี้มาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง
การสร้างเขื่อนด้วยสิ่งแปรรูปของพลาสติกด้วยประสบการณ์จากนานาชาติ น่าจะทำให้เกิดประโยชน์หลายทาง ทั้งในการจัดการขยะ การชลประทาน การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ฝนแล้ง และทำให้เศรษฐกิจของชาติได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
อ้างอิง
<1> โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์. ญี่ปุ่นทำอย่างไรกับขยะพลาสติก 2 กรกฎาคม 2562. https://mgronline.com/japan/detail/9620000062890
<2> Wikipedia. The Toshima Incineration Plant. https://en.wikipedia.org/wiki/Toshima_Incineration_Plant
<3> National Environment Agency Semakau Landfill. https://bit.ly/2NOrcS9
<4> Inhabitat. EcoARK Pavilion made from 1.5 Million Plastic Bottles. https://inhabitat.com/ecoark-pavilion-made-from-1-5-million-plastic-bottles
<5> พิมพ์พญา เจริญศิริพันธ์. Arthur Huang เจ้าของวรรคทอง ‘Trash is sexy.’ ผู้บุกเบิกการรีไซเคิลขยะเป็นวัสดุล้ำๆ อวดชาวโลก. 11 กรกฎาคม 2562 https://adaymagazine.com/trash-is-sexy/
<6> ผู้ว่าฯ กทม. แจงกรณีให้ใช้กระทงโฟมเนื่องจากจัดเก็บง่าย และไม่เน่าเสีย 25 ตุลาคม 2543. https://www.ryt9.com/s/prg/246186
<7> โสภณ พรโชคชัย. ฝนแล้ง ขุดบ่อ ลอกคลอง สร้างเขื่อน ดีกว่า. ประชาไท 27 กรกฎาคม 2562. https://prachatai.com/journal/2019/07/83615