มูลนิธิประเมินค่า-นายหน้าแห่งประเทศไทย ได้จัดทำราคาค่าก่อสร้างอาคารมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นการดำริของ ดร.โสภณ พรโชคชัย ตั้งแต่สมัยที่เป็นกรรมการสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย โดยดำเนินการครั้งแรกในปี 2543 และ ดร.โสภณ ก็เป็นผู้รับผิดชอบงานนี้มาโดยตลอด แต่ในช่วงปี 2556 สมาคมฯ ไม่ได้จัดทำราคาค่าก่อสร้างเพิ่มเติม ดร.โสภณ จึงรับดำเนินการในนามของมูลนิธิฯ อย่างไรก็ตามในขณะนี้ สมาคมฯ ได้กลับมาดำเนินการเพิ่มเติมอีก แต่คงมีการปรับปรุงราคาเป็นรายปี หรือเป็นรายสะดวก มูลนิธิฯ จึงยังดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นข้อมูลประกอบการประเมินค่าทรัพย์สิน และสำหรับประชาชน และนักลงทุนทั่วไปได้ใช้ต่อไป
ในการดำเนินการของมูลนิธิฯ มูลนิธิฯได้ดำเนินการศึกษาข้อมูลจากทางราชการและภาคสนามมาดำเนินการจัดทำราคาค่าก่อสร้าง ทั้งนี้ในส่วนของราคาค่าก่อสร้างของเดือนธันวาคม 2562 ได้เพิ่มเติมอาคารอีก 2 ประเภท ได้แก่ ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น (ระบบ Precast) และบ้านเดี่ยว 2 ชั้น (ระบบ Precast) และต่อไปนี้เป็นรายงานการเปลี่ยนแปลงราคาค่าก่อสร้างล่าสุด (ธันวาคม 2562)
ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ | 7.24% |
ซิเมนต์ | 12.84% |
ผลิตภัณฑ์คอนกรีต | 16.53% |
เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก | 20.25% |
กระเบื้อง | 6.92% |
วัสดุฉาบผิว | 3.63% |
สุขภัณฑ์ | 2.10% |
อุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา | 12.74% |
วัสดุก่อสร้างอื่น ๆ | 17.73% |
รวม | 100.00% |
สำหรับการเปลี่ยนแปลงล่าสุดตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562-ธันวาคม 2562 (ไตรมาสที่ 3-4) สรุปว่ามีการลดลงของวัสดุต่างๆ เฉลี่ย -1.96% โดยปัจจัยสำคัญก็คือ ซีเมนต์ลดลง- 0.3% ผลิตภัณฑ์คอนกรีตลดลง -1.0% เหล็กลดลง -8.70% และวัสดุอื่นๆลดลง -0.1% ส่วนวัสดุที่มีราคาคงที่ ได้แก่ ไม้ กระเบื้อง อุปกรณ์ไฟฟ้า โดยมีรายละเอียดเป็นดังนี้:
ดัชนีรวม | -1.96% |
ไม้ | 0.00% |
ซีเมนต์ | -0.30% |
ผลิตภัณฑ์คอนกรีต | -0.10% |
เหล็ก | -8.70% |
กระเบื้อง | 0.00% |
วัสดุฉาบผิว | 0.10% |
สุขภัณฑ์ | 0.30% |
อุปกรณ์ไฟฟ้า | 0.00% |
วัสดุก่อสร้างอื่นๆ | -0.10% |
ค่าวัสดุข้างต้นเป็นส่วนหนึ่ง แต่ราคาค่าก่อสร้างยังประกอบด้วยค่าแรง และภาษีและค่าดำเนินการต่าง ๆ ดังนั้นค่าก่อสร้างที่แท้จริง ลดลง -0.29% ในไตรมาสที่ 2/2562 โดยมีรายละเอียดดังนี้:
1. ค่าวัสดุ | 60% | -1.96% | 58.53% |
2. ค่าแรง | 20% | 0.00% | 20.00% |
3. กำไร ภาษีและค่าดำเนินการ | 20% | 0.00% | 20.00% |
100.00% | 98.83% | ||
สรุป | -1.17% |
โดยสรุปแล้วการปรับราคาค่าก่อสร้าง โดยใช้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างของทางราชการของเดือนธันวาคม 2562 มีผลออกมาดังนี้:
สรุปการปรับราคาค่าก่อสร้าง โดยใช้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ของเดือน ธันวาคม62
1. พิจารณาโดยเทียบเคียงกับเดือน มิถุนายน62 (มิถุนายน62-ธันวาคม62)
2. จากการเทียบดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง เดือน มิถุนายน62-ธันวาคม62 ปรากฏราคาวัสดุก่อสร้างเมื่อวิเคราะห์แล้ว ปรับลดลง -1.96% โดยราคาวัสดุที่ปรับราคาลดลง ได้แก่ ซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์คอนกรีต เหล็ก วัสดุก่อสร้างอื่นๆ ส่วนวัสดุก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ วัสดุฉาบผิว สุขภัณฑ์ กลุ่มวัสดุที่ราคาคงที่ ได้แก่ ไม้ กระเบื้อง อุปกรณ์ไฟฟ้า เมื่อพิจารณารวมราคาวัสดุทุกกลุ่ม ภาพรวมราคาค่าวัสดุปรับลดลง -1.96% (ผลจากการปรับลดลง ของกลุ่มซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์คอนกรีต เหล็ก วัสดุก่อสร้างอื่นๆ)
3. ค่าแรงงาน พิจารณาเท่าเดิม ไม่มีการปรับเพิ่ม
4. กำไรภาษี ค่าดำเนินการ พิจารณาเท่าเดิม ไม่มีการปรับเพิ่ม
5. เมื่อวิเคราะห์ทั้งค่าวัสดุ และค่าแรงงาน กำไรภาษี ค่าดำเนินการ ทำให้ภาพรวมราคาค่าก่อสร้างอาคารปรับลดลง -1.17% ทั้งนี้เมื่อทำการนำมาปรับราคาค่าก่อสร้างอาคารแล้ว โดยรวมราคาค่าก่อสร้างลดลง
รายละเอียดของราคาค่าก่อสร้างอาคารเป็นดังนี้: http://www.thaiappraisal.org/thai/value/value.php
หมายเหตุ:
ก: หักค่าเสื่อมจนถึง 0 เว้นแต่อาคารที่สามารถมีอายุเกินกว่าที่กำหนดนี้ ให้ประมาณการอายุที่ยังเหลืออยู่จริง ณ วันที่ประเมิน
ข: หักค่าเสื่อมตามเปอร์เซ็นต์ต่อปีที่กำหนดจนเหลือประมาณ 40% และเมื่อนั้นหยุดหักค่าเสื่อม ให้ถือว่าอาคารนั้นมีค่าเสื่อมคงที่ 40% แม้จะมีอายุเพิ่มขึ้นก็ตาม ตัวอย่างเช่น บ้านเดี่ยวตึกชั้นเดียว กำหนดอายุอาคารไว้ 50 ปี แสดงว่าให้หักค่าเสื่อมได้ปีละ 2% (100% หาร 50 ปี) หากบ้านเดี่ยวหลังนั้นมีอายุ 30 ปี ก็ ย่อมหักค่าเสื่อมไป 60% เหลือราคาเท่ากับ 40% แต่ถ้าบ้านข้างเคียงอีกหลังหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกัน มีอายุ 40 ปี ก็ คงหักค่าเสื่อมถึง 60% แล้วหยุดหักเช่นกัน โดยถือว่าอาคารอายุ 30 หรือ 40 ปี นั้น มีราคาหลังหักค่าเสื่อมเท่ากัน คือ 40% ของราคาค่าก่อสร้างใหม่ ทั้งนี้เพราะโครงสร้างอาคารมาตรฐานย่อมไม่เสื่อมโทรมลง อาคารที่สร้างตามมาตรฐานวิศวกรรมอาจสามารถอยู่ได้นับร้อยปี แต่สิ่งที่เสื่อมโทรมลงคือระบบประกอบอาคาร ผนังหรืออื่น ๆ โครงสร้างของอาคารมีมูลค่าประมาณ 60% ของทั้งหมด ดังนั้นจึงประมาณการว่า ในกรณีที่อาคารมีอายุ 30 ปีขึ้นไป อย่างน้อยที่สุดโครงสร้างที่เหลือและส่วนอื่น (ถ้ามี) น่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 40% ของราคาก่อสร้างใหม่ ทั้งนี้หากกรณีอาคารที่มีอายุมากเป็นพิเศษ เช่น ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
ค: สำหรับอาคารตามรายการที่ 18, 21 และ 22 มีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้:
1. กรณีอาคารที่มีขนาดเกินกว่า 10,000 ตรม. และสูงเกิน 23 เมตร จะต้องมีลิฟท์ดับเพลิง 1 ชุดมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท
2. อาคารที่มีขนาดเกินกว่า 10,000 ตรม. ขึ้นไปยังต้องมีระบบดับเพลิง เช่น ระบบพ่นน้ำอัตโนมัติ รวมเป็นเงินอีกตารางเมตรละประมาณ 1,000 บาท
ง: สำหรับอาคารในรายการที่ 24 อาคารสรรพสินค้าที่สูงไม่เกิน 3 ชั้น กำหนดให้มีลิฟท์และบันไดเลื่อนอย่างละไม่เกิน 4 ตัว กรณีที่เกินกว่านี้ ประมาณว่ามีค่าก่อสร้างเพิ่มเติมเป็นเงิน ตัวละประมาณ 4-5 ล้านบาท และนำไปเฉลี่ยเป็นค่าก่อสร้างต่อตารางเมตรต่อไปนอกจากนี้ผู้ใช้ราคาค่าก่อสร้างอาคาร พึงเข้าใจในสาระต่อไปนี้: