พิษไวรัสโควิด 19 ทำให้แม้แต้ห้างท้องถิ่นยังสะเทือนหนักในขณะนี้ เราควรคิดลดค่าเช่าลงเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2563 มีข่าวว่า “โควิดพ่นพิษ ‘ผู้ค้าพันธ์ทิพย์ฯ’ ประท้วงลดค่าเช่า 50% หลังห้างร้าง ไม่มีคนเดิน” (https://bit.ly/2WBkUuv) นี่แสดงว่าห้างท้องถิ่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวก็ยังได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้เคยวิเคราะห์กรณีห้างที่ให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวว่าควรลดค่าเช่าเท่าไหร่ ใน AREA แถลง ฉบับที่ 142/2563: วันพุธที่ 04 มีนาคม 2563 (https://bit.ly/2uPU06o) แต่สำหรับกรณีห้างท้องถิ่นนั้น ขณะนี้มีการเรียกร้องให้ลดค่าเช่าลงครึ่งหนึ่ง
การที่ผู้เช่าขอลดค่าเช่าลงครึ่งหนึ่งแสดงว่ายังพอมีคนเดินอยู่บ้าง แต่ไม่ “ร้าง” เช่นห้างที่ให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงภาวะที่มีลูกค้าน้อยลงเป็นอย่างมาก ดร.โสภณ ในฐานะผู้ประเมินค่ราทรัพย์สิน ให้ความเห็นว่าในระยะ 15 วันจนถึงราวสิ้นเดือนมีนาคม 2563 นี้ อาจจะแทบไม่มีคนเดินในห้างทั่วไป หากเป็นในกรณีอื่น เช่น ผับ อาบอบนวด ฟิตเนส ทางราชการสั่งปิด ซึ่งในกรณีนั้น ผู้ให้เชาพื้นที่อาจเป็นผู้รับผิดชอบ หากทางราชการสั่งปิดห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้า กลุ่มเจ้าของห้างก็คงเป็นกลุ่มที่เดือดร้อนเป็นหลัก แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าทางราชการไม่ได้แตะต้องห้างเหล่านี้เลย
อย่างไรก็ตามในภาวะครึ่งเดือนหลังของเดือนมีนาคม 2563 ก็คงมีผู้ใช้บริการในห้างท้องถิ่นน้อยย้อยลงมาก ดังนั้น
1. การลดค่าเช่าลงครึ่งหนึ่งจึงเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล
2. อย่างไรก็ตามหาเหตุการณ์ยังคงเลวร้ายลง ค่าเช่าอาจเหลือเพียงค่าใช้จ่ายในการดูแลห้าง ซึ่งคงเป็นราว 30% ของค่าเช่ารวม
3. ในกรณีย่ำแย่สุดๆ ก็อาจต้องมี Rent Holiday หรือการไม่เก็บค่าเช่าระยะหนึ่งไปเลยทีเดียว
4. ในกรณีที่ยังหาความแน่ชัดไม่ได้ อาจต้องจ่ายค่าเช่าบนพื้นฐาน Profit Sharing จากยอดขาย เป็นต้น
อย่างไรก็ตามผู้ให้เช่าก็ควรรักษาผู้เช่าไว้ ส่วนผู้เช่าก็ต้องพยายามจ่ายค่าเช่าให้ได้บ้าง เพื่อจะได้ผ่านพ้นวิกฤติไปด้วยกัน