เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐมนตรีท่านหนึ่งบอกให้ร่วมกันสวดรัตนสูตรเพื่อขจัดไวรัสโควิด-19 ดร.โสภณขอบอก พระพุทธเจ้าเคยดำรัสไว้สิ่งชั่วร้ายไม่อาจพ้นไปได้ด้วยการสวดอ้อนวอนและยัญบูชา
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมขอพระสงฆ์ทั่วประเทศไทยรวมสวดบทรัตนสูตร <1> เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2563 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ให้ความเห็นว่ากรณีนี้เป็นความงมงาย เราพึงยึดหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญ
พระพุทธเจ้าสอนว่า “บุคคลไม่สามารถข้ามพ้นจากอวิชชาโดยการสวดอ้อนวอนและยัญบูชา” (2.029) และไม่อาจกำจัดความโกรธ ความกลัวได้ด้วยการเก็บกดความรู้สึก ต้องใช้ปัญญาให้เกิดการรู้จริงถึงปัญหา (1.153) แสดงให้เห็นว่าเราควรศึกษาให้รู้จริงโดยไม่งมงาย พระพุทธเจ้ายังกล่าวว่า “คำสอนของตถาคตเป็นวิธีการอย่างหนึ่งในการบรรลุถึงความจริง แต่มิใช่เป็นตัวความจริงเอง . . . เป็นมรรควิธีแห่งการปฏิบัติ มิใช่เป็นอะไรที่มีไว้สำหรับยึดถือหรือบูชา . . .” (2.028) ดังนั้นใครก็ตามแม้อ่านและจำพระไตรปิฎกได้ทั้งหมด ถ้าไม่ปฏิบัติก็ไม่ได้บรรลุธรรม “คำสอนเป็นเพียงพาหะที่ใช้อธิบายสัจจะ อย่าเข้าใจผิดว่าพาหะเป็นตัวสัจจะเสียเอง . . . จงอย่ายึดติดกับคำสอน” (3.013) <2>
การสวดอ้อนวอนช่วยอะไรไม่ได้ถ้าไม่ได้ทำดี ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 18 พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ 10 [ฉบับมหาจุฬาฯ] สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค 6. อสิพันธกปุตตสูตร <3> มีคนถามพระพุทธเจ้าว่า “พวกพราหมณ์ชาวปัจฉาภูมิมีคณโฑน้ำติดตัว ประดับพวงมาลัยสาหร่าย อาบน้ำทุกเช้าเย็น บำเรอไฟ พราหมณ์เหล่านั้นชื่อว่าทำสัตว์ที่ตายแล้วให้ฟื้น ให้รู้ชอบ ให้ขึ้นสวรรค์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าสามารถจะทำสัตว์โลกทั้งหมดหลังจากตายแล้วให้ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ได้หรือ”
พระพุทธเจ้าจึงถามกล่าวว่า “บุรุษในโลกนี้เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ เพ่งเล็งอยากได้ของเขา มีจิตพยาบาท เป็นมิจฉาทิฏฐิ หมู่มหาชนพึงมาประชุมแล้วสวดอ้อนวอน สวดสรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบบุรุษนั้นว่า ‘ขอบุรุษนี้หลังจากตายแล้วจงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์เถิด บุรุษนั้นหลังจากตายแล้วพึงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์เพราะการสวดอ้อนวอน เพราะการสวดสรรเสริญหรือเพราะการประนมมือเดินเวียนรอบแห่งหมู่มหาชนเป็นเหตุได้หรือ’”
ยัญบูชาก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น พระไตรปิฎก เล่มที่ 9 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 1 ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค 5. กูฏทันตสูตร <4> มีความตอนหนึ่งว่า “[200] สมัยนั้น พราหมณ์กูฏทันตะ ได้เตรียมมหายัญโคผู้ 700 ลูกโคผู้ 700 ลูกโคเมีย 700 แพะ 700 และแกะ 700 ถูกนำเข้าไปผูกไว้ที่หลักเพื่อบูชายัญ. . . [227] ดูกรพราหมณ์ ในยัญนั้น ไม่ต้องฆ่าโค แพะ แกะ ไก่ สุกร และสัตว์นานาชนิด ไม่ต้องตัดต้นไม้มาทำเป็นหลักยัญ ไม่ต้องเกี่ยวหญ้าคามาเพื่อเบียดเบียนสัตว์อื่น แม้ชนเหล่าใด ที่เป็นทาส เป็นคนใช้ เป็นกรรมกรของพระเจ้ามหาวิชิตราชนั้น ชนเหล่านั้นก็มิได้ถูกอาชญาคุกคาม มิได้ถูกภัยคุกคาม มิได้มีหน้านองด้วยน้ำตา ร้องไห้กระทำการงาน. . . ที่จริงคนที่ปรารถนาจะกระทำจึงกระทำ ที่ไม่ปรารถนาก็ไม่ต้องกระทำ ปรารถนาจะกระทำการงานใด ก็กระทำการงานนั้น ไม่ปรารถนาจะกระทำการงานใด ก็ไม่ต้องกระทำการงานนั้นและยัญนั้นได้สำเร็จแล้วด้วยลำพังเนยใส น้ำมัน เนยข้น เปรียง น้ำผึ้ง น้ำอ้อย เท่านั้น”
สำหรับระตะนะสุตตัง (รัตนสูตร) <5> ดำริให้สวดนั้นก็มีเนื้อหาเน้นไปที่การยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ดังความตอนหนึ่งว่า “เสาเขื่อนที่ฝังลงดินแล้วย่อมไม่หวั่นไหวสั่นสะเทือนด้วยลมพายุจาก ๔ ทิศ ฉันใด เราตถาคต ย่อมเรียนบุคคลผู้มีปัญญาอันหยั่งลงเห็นอริยสัจทั้งหลายว่าเป็นสัตบุรุษผู้ไม่หวั่นไหวด้วยโลกธรรม มีอุปมาแม้ฉันนั้น คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ์ ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ”
ยังมี “คาถาไล่ผี” ที่มีผู้เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอน คือ กรณียเมตตปริตร <6> แต่ในความเป็นจริงแล้ว พระพุทธเจ้าสอนว่า หากเรามีใจเมตตา มีใจสูงส่งกว่า เราก็สามารถเอาชนะ (ใจ) ฝ่ายตรงข้าม (ที่เป็นประหนึ่งภูติผีปีศาจ) ได้ไม่ยาก ปุถุชนอาจทำยาก แต่ปุถุชนที่มีกิเลสเบาบางกว่าและมีเมตตาจิตสูงส่งกว่าก็ย่อมชนะผู้มีกิเลสหนากว่า ยิ่งถ้าคนที่สำเร็จมรรคผลในระดับที่เหนือกว่าปุถุชน ก็ยิ่งมีความเมตตาสูงนิ่ง ยิ่งนิ่งกว่าปุถุชนทั่วไป และมีสติในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีกว่านั่นเอง การที่คนเราจิตใจสูงส่งมีเมตตา ก็ไม่กลัว มีความกล้าหาญและก้าวข้ามผีสางเทวดาในจินตนาการเอง อย่างที่เราเข้าใจกันดีว่า “คนดี (มีเมตตา) ผีคุ้ม”
ในสมัยรัชกาลที่ 2 ก็มีอหิวาตกโรคทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 3 หมื่นคน มีการสวดมนต์เช่นกัน ในสมัยนั้น “พระสงฆ์ก็เอาตัวไม่รอดต้องทิ้งวัดหนีตาย บางกอกเกือบจะเป็นเมืองร้าง ทุกชุมชนเงียบเหงาวังเวง ไม่มีใครช่วยใครได้ . . .จัดพระราชพิธีอาพาธพินาศขึ้น ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระสงฆ์ผู้ทรงวิทยาคมจากวัดสำคัญๆ มาเจริญพระปริตร ทำน้ำมนต์และทรายเสก มีการยิงปืนใหญ่รอบพระนครตลอดรุ่ง 1 คืน แล้วอัญเชิญพระแก้วมรกตและพระบรมสารีริกธาตุออกแห่ มีพระราชาคณะไปในกระบวนแห่โปรยทรายเสกและประพรมน้ำมนต์ทั้งทางบกและทางเรือ. . .ผลปรากฏว่าการที่ประชาชนไม่ออกจากบ้าน การระบาดของเชื้อจึงลดลง” <7>
ยิ่งกว่านั้นในประเทศไทยยังเคยมีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่อย่างรุนแรง “เพียงแค่ 6 เดือนระหว่างตุลาคม 2461- มีนาคม 2462 มีผู้ป่วยกว่า 2.3 ล้านคน (2,317,662 คน) เสียชีวิตกว่า 8 หมื่นคน( 80,223 คน) ขณะที่ประชากรสยามในขณะนั้นมีเพียง 8.4 ล้านคน (8,478,556 ) กล่าวคือ มีผู้ป่วยประมาณกว่า 28% ของประชากร เสียชีวิตประมาณ 3.46% ของผู้ป่วย...”
ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าการสวดมนต์ต่างๆ อาจช่วยในด้านกำลังใจว่าอย่างน้อยทางบ้านเมืองก็ได้ทำอะไรบางอย่าง แม้การแพทย์ในสมัยนั้นๆ จะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่การแยกห่างออกจากกันทำให้การแพร่ของเชื้อโรคลดลงและหมดไปในที่สุดต่างหาก
อ้างอิง
<1> "เทวัญ" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ขอพระสงฆ์ทั่วไทยสวดรัตนสูตรสู้โควิด-19. 18 มีนาคม 2563. https://www.sanook.com/news/8056674
<2> หนังสือ “คือเมฆสีขาว ทางก้าวเก่าแก่ วรรณกรรมพุทธประวัติในทัศนะใหม่” ที่แปลมาจากหนังสือ “Old Path White Clouds: Walking in the Footsteps of the Buddha” ของท่านภิกษุ ติช นัท ฮันห์ และได้รับการถ่ายทอดเป็นภาษาไทยโดย คุณรสนา โตสิตระกูล และคุณสันติสุข โสภณสิริ (ตัวเลขในวงเล็บ เช่น 2.029 คือ เล่มที่ 2 หน้า 29)
<3> http://www.84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=18&siri=272
<4> http://www.84000.org/tipitaka/atita10/v.php?B=9&A=3478&Z=4398
<5> กัลยาณมิตร. https://kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=7880
<6> ต้องรู้ กรณียเมตตปริตร: คาถาปราบผี? https://bit.ly/2QkfHCb
<7> นิพัทธ์ ทองเล็ก, พล.อ. ภาพเก่าเล่าตำนาน เรื่อง ห่าลง ตายเยอะ เผาไม่ไหว ยกให้แร้งวัดสระเกศ โดย : พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก. มติชน 24 มีนาคม 2560. https://bit.ly/2UpePiV
<8> สำนักข่าวอิสรา. ย้อนโศกนาฏกรรมสยาม! ไข้หวัดใหญ่ระบาด!แค่ 6 เดือน ตาย 8 หมื่น ติดเชื้อ 2.3 ล้านคน. 27 มีนาคม 2563. https://bit.ly/39nEBZ9