ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ในฐานะนายกสมาคมผู้ซื้อบ้าน (www.thaihomebuyers.org) ได้เสนอรัฐบาล 4 ข้อ
1. ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้โดยให้อยู่ในกรอบที่ไม่เกิน 3% ของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก (เช่น ถ้าดอกเบี้ยเงินฝากคือ 1% ดอกเบี้ยเงินกู้ไม่ควรเกิน 4%) ในประเทศไทยค่านายหน้าเป็นเงิน 3% ของมูลค่าบ้าน ดังนั้นสถาบันการเงินต่างๆ ที่รับฝากเงินจากประชาชน จึงควรมีกำไรในสัดส่วนไม่เกิน 3% เช่นกัน ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลพึงเปิดโอกาสให้สถาบันการเงินจากต่างประเทศมาเปิดให้บริการแข่งขันกับสถาบันการเงินไทยมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดลงอย่างแน่นอน
2. พักการชำระหนี้เงินต้น ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมของสถาบันการเงินในกรณีสินเชื่อบ้านและสินเชื่ออื่นๆ เป็นเวลา 6 เดือน หรือหากสถานการณ์เลวร้ายลงไปกว่านี้ ก็ให้พักชำระหนี้เป็นเวลา 1 ปี และเมื่อครบกำหนดค่อยกลับมาชำระหนี้ตามปกติโดยยืดเวลาการผ่อนชำระออกไป
3. หยุดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมโอนอสังหาริมทรัพย์ในกรณีต่างๆ รวมทั้งภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นเวลา 1 ปี
4. จัดตั้งกองทุนซื้อบ้านสำหรับเจ้าของบ้านและห้องชุดที่ไม่สามารถที่จะผ่อนต่อหรือมีหนี้จำเป็นต้องขาย โดยกองทุนนี้รับซื้อในราคา 75% ของมูลค่าตลาดที่ผ่านการประเมินค่าทรัพย์สินตามมาตรฐานวิชาชีพโดยเคร่งครัดก่อน ทั้งนี้ให้บริษัทประเมินซื้อประกันความรับผิดชอบทางวิชาชีพไว้ด้วย กรณีนี้จะทำให้ผู้จำเป็นต้องขายบ้านเกิดสภาพคล่องทางธุรกิจ และในอนาคตอาจสามารถซื้อคืนในราคาต้นทุนบวกดอกเบี้ย หรืออาจทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถซื้อบ้านได้ในราคาถูก เป็นการช่วยให้ประชาชนสามารถมีที่อยู่อาศัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ