มีคลิปที่ดูในหะแรกแล้วจะรู้สึกซาบซึ้ง แต่อันที่จริงเป็นการดูหมิ่นสติปัญญาคนไทยว่ามัวแต่ทะเลาะกัน ขาดความสามัคคี ซึ่งไม่เป็นจริง เป็นการโฆษณาชวนเชื่อที่มุ่งปิดปากคนเห็นต่างต่างหาก
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) วิเคราะห์ถึงคลิปหนึ่งที่มีเด็กรถเข็นรถในที่ลาดเอียงอยู่คนเดียว แล้วผู้โดยสารทั้งหมดมั่วแต่เพลิดเพลินไม่ช่วยอะไรเลย จนคนเข็นหมดแรง รถไหลลงเหว ก็มั่วแต่ทะเลาะและโทษกันและกัน คลิปนี้ดูหะแรกคล้ายดี เป็นการส่งเสริมให้คนไทยสามัคคีกัน แต่แท้ที่จริงแล้วนี่คือคลิปโฆษณาชวนเชื่อที่ตบหน้าคนไทยส่วนใหญ่และทำเพื่อปิดปากคนเห็นต่าง
มาวิเคราะห์กันจะเห็นได้ชัดเจนถึงความไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง
1. อย่าว่าแต่ในทางลาดลงแบบนั้นเลย แม้แต่รถจอดเสียบนทางราบปกติ ก็คงไม่มีการปล่อยให้เด็กรถเข็นรถคันใหญ่ขนาดนั้นคนเดียวแน่นอน ผู้โดยสารทั้งหลาย ก็คงลงไปช่วยกันเข็นอยู่แล้ว นี่เป็นการตบหน้าดูหมิ่นน้ำใจคนไทยว่าไร้น้ำใจ ทั้งที่เราพบน้ำใจได้ทั่วไป เช่น มีใครประสบอุบัติเหตุบนถนน ก็จะมีคนยื่นมือเข้าช่วยเหลือแทบทั้งนั้น
2. ที่บอกว่าคนไทยมัวแต่ทะเลาะโทษกันไปมานั้น คนเราอาจมีความเห็นต่างกันได้ เราต้องยอมรับความเห็นต่าง จะมาปิดปากไม่ให้คนเห็นต่างคงไม่ได้ ที่สำคัญคนเห็นต่างเหล่านั้นไม่ได้ขัดขวางผู้ปฏิบัติหน้าที่ ยกตัวอย่างกรณีไวรัสโควิด-19 อาจมีคนด่ารัฐบาลต่างๆ นานา แต่ก็ถือเป็นสิทธิของเขา ตราบเท่าที่เขาไม่ได้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่
3. ในทางตรงกันข้าม การด่าหรือการเห็นต่างนั้น ช่วยให้ทางราชการได้ข้อคิดและไม่กระทำการผิดพลาดหรือ “ถอนตัว” จากการกระทำที่ผิดพลาดได้เช่นกัน ทางราชการจะมาอ้างว่าทำให้เสียกำลังใจคงไมได้ คนที่ร้องไห้แถลงข่าวนั้นส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะกลัวหลุดจากตำแหน่ง หรือทำการผิดพลาดมากมาย เป็นต้น อย่าลืมว่า “ผู้พูดไม่ผิด ผู้ฟังพึงสังวร”
โดยสรุปแล้วมีคนพยายามโฆษณาชวนเชื่อว่าคนไทยแย่ ไม่มีน้ำใจ ไม่สามัคคี ซึ่งไม่เป็นความจริง จะปล่อยให้ผู้นำพาเราลงเหวได้อย่างไร ต้องช่วยกันทักท้วง ผู้นำที่แท้ต้องรู้จัก “ทิ้งเปลือก เอาแก่น”