มีข่าวว่ารัฐบาลจะสั่งปิดเมืองรับมือโรคไวรัสโควิด 19 มาดูกันว่าประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ดำเนินการกันอย่างไรบ้าง
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้สอบถามจากผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน นายหน้าและที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมอสังหาริมทรัพย์สากล (FIABCI) ซึ่งเป็นสมาคมอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และในประเทศไทย ดร.โสภณเป็นนายกสมาคม FIABCI-Thai ด้วย
ผลการสำรวจเป็นดังนี้:
กลุ่มที่ 1 ประเทศที่ค่อนข้างมีผลรุนแรง คือมาเลเซียที่ปิดเมือง ห้ามคนออกนอกบ้าน เนื่องจากมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงถึง 1,518 คน และเสียชีวิตไป 14 คนแล้ว ส่วนฟิลิปปินส์ แม้มีจำนวนผู้ติดเชื่อไม่มาก แต่มีผู้เสียชีวิตไป 33 คนแล้ว จึงปิดเมืองใหม่โดยเฉพาะกรุงมะนิลาและอื่นๆ
- มาเลเซีย ซึ่งมีผู้ติดเชื้อถึง 1,518 คน และเสียชีวิตไป 14 คน ปรากฏว่ารัฐบาลสั่งหยุดงานทุกอย่าง และให้ทุกคนอยู่บ้านยกเว้นออกไปซื้อของจำเป็นเท่านั้น ผู้ฝ่าฝืนย่อมมีความผิดอย่างแน่นอน
- ฟิลิปปินส์ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 501 คน และเสียชีวิตไปแล้วถึง 33 คน กรุงมะนิลาและนครใหญ่ๆ ทั่วฟิลิปปินส์ปิดไปแล้ว อนุญาตคนออกจากบ้านเฉพาะในกรณีจำเป็นเท่านั้น
- อินโดนีเซีย ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 579 คน และเสียชีวิตไปแล้วถึง 49 คน ในหลายเมืองปิดไปแล้วเพราะประเทศนี้มีผู้เสียชีวิตมาก แต่ก็ยังมีอนุญาตให้ประชาชนออกจากบ้านไปทำงานบ้าง และก็พยายามสนับสนุนให้ทำงานที่บ้าน โรงเรียนและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ปิดแล้ว แต่สำนักงานและศูนย์การค้ายังเปิดอยู่ตามปกติ
กลุ่มที่ 2 ประเทศที่ในช่วงแรกมีผลกระทบหนักต่อจากจีน แต่ได้มีการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ จนภาวะต่างๆ ไม่ได้น่ากลัว เช่น
- สิงคโปร์ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 509 คน และเสียชีวิตไป 2 คน ยังอนุญาตให้ประชาชนออกจากบ้านได้ตามความจำเป็นยังไม่มีการปิดเมืองแต่อย่างใด เขาค่อนข้างมั่นใจว่ารัฐบาลของเขา “เอาอยู่” จะสังเกตได้ว่ามีประชาชนชาวมาเลเซียย้ายเข้าสิงคโปร์ในช่วงคำสั่งปิดเมืองของมาเลเซียสูงถึง 300,000 คน (https://reut.rs/2QENJ5p) เพราะเชื่อว่าสิงคโปร์ปลอดภัยกว่า
- ฮ่องกง ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 357 คน และเสียชีวิตไป 4 คน ยังอนุญาตให้ประชาชนออกจากบ้านได้ตามความจำเป็น ยังไม่มีการปิดเมืองแต่อย่างใด บาร์และร้านอาหารทั้งหลายต้องปิดหลัง 20:00 น. เป็นต้นไป
- เกาหลีใต้ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 9,037 คน และเสียชีวิตไปแล้วถึง 120 คน ปรากฏว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังอยู่บ้าน แต่นักธุรกิจและคนทำงานก็ยังออกทำงานกันแทบจะเป็นปกติ ธุรกิจยังต้องดำเนินต่อไป
- ญี่ปุ่น ซึ่งมีผู้ติดเชื้อถึง 1,141 คน และเสียชีวิตไป 45 คน ยังอนุญาตให้ประชาชนออกจากบ้านได้ บริษัทใหญ่ๆ อาจมีคนทำงานที่บ้านสัก 20% แต่บริษัททั่วไปก็ยังออกเดินทางไปทำงานกันตามปกติ ชีวิตไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก
ดังนี้สำหรับประเทศไทย ที่มีผู้ติดเชื้อแล้ว 827 คน และเสียชีวิต 4 คน จะใช้มาตรการแบบเดียวกับกลุ่มประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากและรุนแรง หรือใช้มาตรการแบบประเทศที่ “เอาอยู่” ก็ต้องอยู่ที่การประเมินของทางราชการแล้ว (ประเมินให้ถูกๆ ก็แล้วกัน)