มองวิกฤติโควิด-19 ในมุมที่ต่างจากโจน จันใด
  AREA แถลง ฉบับที่ 190/2563: วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            มีบางคนมักกล่าวว่าวิกฤติไวรัสโควิด-19 นี้รุนแรงมาก และวิกฤติของโลกจะรุนแรงยิ่งๆ ขึ้นเรื่อยๆ  แต่แท้ที่จริงแล้ว วิกฤติเชื้อโรคในโลกนี้มียิ่งใหญ่กว่านี้มาก  อย่าตระหนก พึงมีสติ

            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เปิดเผยว่าโรคร้ายในอดีตที่ตายเป็นจำนวนมากจนรักษาแทบไม่ได้ <1> เช่น

            1. เอชไอวี / เอดส์ระบาด (สูงสุด พ.ศ.2548-2555) ตายถึง 36 ล้านคน
            2. ไข้หวัดใหญ่ระบาด (พ.ศ.2511) ตายถึง 1 ล้านคนเรียกว่า“ ไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง” สายพันธุ์ H3N2 สายพันธุ์ H3N2
            3. ไข้หวัดใหญ่ (พ.ศ.2499-2501) ตาย 2 ล้านคน เป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของ H2N2 ที่กำเนิดในประเทศจีนในปี 2499 และจนถึงปี 2501
            4. ไข้หวัดใหญ่ระบาด (พ.ศ.2461) ตายถึง 20 -50 ล้าน มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 10% ถึง 20% โดยมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 25 ล้านคนใน 25 สัปดาห์แรก
            5. อหิวาตกโรคระบาด (พ.ศ.2453-2454) ตายมากกว่า 800,000 คน เกิดขึ้นในอินเดียที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 800,000 คนก่อนที่จะแพร่กระจายไปยังตะวันออกกลางแอฟริกาเหนือยุโรปตะวันออกและรัสเซีย
            6. ไข้หวัดใหญ่ระบาด (พ.ศ.2432-2433) ตาย 1 ล้าน เป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H3N8
            7. อหิวาตกโรคระบาด (พ.ศ.2395-2403) ตาย 1 ล้าน ระบาดในอินเดียครั้งที่สามแพร่กระจายจากแม่น้ำคงคาก่อนที่จะฉีก ผ่านเอเชียยุโรปอเมริกาเหนือและแอฟริกาและจบชีวิตของผู้คนกว่าล้านคน
            8. กาฬโรค (พ.ศ.1889-2436) ตาย: 75 - 200 ล้าน ทำลายยุโรปแอฟริกาและเอเชีย โดยน่าจะเกิดขึ้นในทวีปต่างๆคือหมัดที่อาศัยอยู่ในหนูซึ่งอาศัยอยู่บนเรือพ่อค้า และยังมีอื่นๆ อีกมาก

            ในกรณีประเทศไทยเองในสมัยรัชกาลที่ 2 ก็มีอหิวาตกโรคทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 3 หมื่นคน มีการสวดมนต์เช่นกัน ในสมัยนั้น “พระสงฆ์ก็เอาตัวไม่รอดต้องทิ้งวัดหนีตาย บางกอกเกือบจะเป็นเมืองร้าง ทุกชุมชนเงียบเหงาวังเวง ไม่มีใครช่วยใครได้ . . .จัดพระราชพิธีอาพาธพินาศขึ้น ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระสงฆ์ผู้ทรงวิทยาคมจากวัดสำคัญๆ มาเจริญพระปริตร ทำน้ำมนต์และทรายเสก มีการยิงปืนใหญ่รอบพระนครตลอดรุ่ง 1 คืน แล้วอัญเชิญพระแก้วมรกตและพระบรมสารีริกธาตุออกแห่ มีพระราชาคณะไปในกระบวนแห่โปรยทรายเสกและประพรมน้ำมนต์ทั้งทางบกและทางเรือ. . .ผลปรากฏว่าการที่ประชาชนไม่ออกจากบ้าน การระบาดของเชื้อจึงลดลง” <2>

            ยิ่งกว่านั้นในประเทศไทยยังเคยมีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่อย่างรุนแรง “เพียงแค่ 6 เดือนระหว่างตุลาคม 2461- มีนาคม 2462 มีผู้ป่วยกว่า 2.3 ล้านคน (2,317,662 คน) เสียชีวิตกว่า 8 หมื่นคน( 80,223 คน) ขณะที่ประชากรสยามในขณะนั้นมีเพียง 8.4 ล้านคน (8,478,556 ) กล่าวคือ มีผู้ป่วยประมาณกว่า 28% ของประชากร เสียชีวิตประมาณ 3.46% ของผู้ป่วย...” <3>

            ดังนั้น เราไม่พึงตระหนกจนเกินไป แต่ก็ไม่พึงประมาท หากมีสติ เราก็จะผ่านพ้นวิกฤติไปได้ มีมืด มืดได้ ย่อมสว่างได้

 

อ้างอิง
<1> Outbreak: 10 of the Worst Pandemics in History - MPH Online. https://www.mphonline.org/worst-pandemics-in-history
<2> นิพัทธ์ ทองเล็ก, พล.อ. ภาพเก่าเล่าตำนาน เรื่อง ห่าลง ตายเยอะ เผาไม่ไหว ยกให้แร้งวัดสระเกศ โดย : พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก. มติชน 24 มีนาคม 2560. https://bit.ly/2UpePiV
<3> สำนักข่าวอิสรา. ย้อนโศกนาฏกรรมสยาม! ไข้หวัดใหญ่ระบาด!แค่ 6 เดือน ตาย 8 หมื่น ติดเชื้อ 2.3 ล้านคน.

อ่าน 6,423 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved