ในทุกวันนี้มีความเข้าใจผิดๆ เรื่องโควิด-19 โดยเหล่ากฎุมพีที่ไม่ต้องการให้ประเทศไทยเปิดทำงาน ทำให้คนจนผูกคอตาย คนชั้นกลางบ้านแตกสาแหรกขาดเพราะเศรษฐกิจแย่ และทำให้เกิดการฉวยโอกาสกู้เงินไปช่วยเศรษฐีโดยเฉพาะการพยุงหุ้นกู้
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ให้ความเห็นดังนี้:
1. ลักเซมเบอร์ก ประเทศเล็กๆ ในยุโรปที่มีประชากรเพียง 626,108 คน ปรากฏว่าเชื้อถึง 3,444 คนและเสียชีวิตไป 69 คน แต่กำลังจะเริ่มเปิดทำงานแล้ว การล็อกดาวน์ไม่ได้มีผลให้อะไรดีขึ้นเท่าที่ควร เขาคงคิดได้ว่าขืนอยู่เฉยๆ คงมีคนตายมากกว่าจากเชื้อโรคเป็นแน่แล้ว <1>
2. นอรเวย์ โรงเรียนอนุบาลจะเปิดเรียนตามปกติในวันที่ 20 เมษายน ส่วนประถมปีที่ 1-4 จะเริ่มเรียน 27 เมษายน 2563 <2>
3. สิงคโปร์ที่มีผู้ติดเชื้อวันนี้ถึง 4,427 คน แซงหน้าประเทศไทยนั้น หลายคน “ดีใจ” ว่าไทยเราเก่งกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ติดเชื้อถึง 3 ใน 5 คนคือเหล่าคนงานในแคมป์คนงาน อาจเป็นเพราะช่วงนี้งานหยุด จึงรวมกลุ่มกันมากหรืออย่างไร ลำพังชาวสิงคโปร์เองติดเชื้อน้อยกว่าคนไทย <3>
4. ญี่ปุ่นประกาศล็อกดาวน์ในขณะนี้ก็จริง แต่ก็ยังทำงานกัน ไม่มีการห้ามทำงาน แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีหลายคนทำงานที่บ้านก็ตาม ไม่ใช่แบบบางประเทศที่ห้ามออกจากบ้านเลย <4>
5. เอกวาดอร์ก็มีข่าวว่ามีผู้เสียชีวิตจนไม่มีโลงจะใส่ แต่ ณ วันนี้ตายไป 403 คน หรือตายเดือนละ 6.7 คนโดยเฉลี่ย <5> ประเทศนี้มีประชากร 16,904,867 คน ตายปีละ 87,905 คน เฉลี่ยวันละ 240 คน <6> แค่ตายเพราะโควิดอีก 6.7 คน อุปทานโลงจะไม่พอ จึงไม่เป็นความจริงเลย
6. วันที่ 17 เมษายนนี้เอง ในสหรัฐอเมริกาก็มีข่าวว่า “‘โควิด’ ทำมะกัน 22 ล้านคนตกงาน ‘ทรัมป์’ จ่อเปิดประเทศ” <7> เพราะหากยังหยุดงานต่อไป เศรษฐกิจจะพัง อาชญากรรมจะมากขึ้น ทุกวันนี้มีโรคติดต่ออื่นๆ ทำคนตายไปมากกว่าโควิด-19 มากมาย <8>
7. ประเทศไทยที่อัตราการติดโควิดน้อยลง ไม่ใช่เพราะปิดพื้นที่เสี่ยง ประกาศภาวะฉุกเฉินหรือประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ แต่เพราะไม่มีผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากต่างประเทศเหมือนช่วงแรกๆ ที่เราไม่ปิดประเทศ (จากจีน) ต่างหาก
มาถึงวันนี้ไทยเราก็ต้องรีบเปิดประเทศ เพียงมีหน้ากากคุณภาพ มีเจลล้างมือ มีพฤติกรรมและสุขนิสัยที่ดี เราก็สามารถรอดพ้นได้แล้ว ดูอย่างคนรถเก็บขยะ คนคุ้ยขยะตามกองขยะ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง คนเร่ร่อน ก็ล้วนไม่ได้เสียชีวิตเพราะโควิด-19 แต่อย่างใด กรณีนี้อย่าได้มองว่าพวกเขาเป็นประชาชนคนเล็กคนน้อย เสียชีวิตไปก็ไม่มีใครรู้ แต่ในช่วงนี้หากมีผู้เสียชีวิตเพราะโควิด-19 จะเป็นที่รู้กันแน่นอน
อย่ากลัวจนประเทศต้องไปกู้มาแก้ปัญหา และอาจแก้ไม่ถูกจุดเอาเงินไปอุดหนุนคนรวยๆ ดร.โสภณ ย้ำว่าวิกฤติปี 2540 คนรวยๆ กลายเป็น “เจ้าสัวเยสเตอร์เดย์” หรือ “อดีตเจ้าสัว” แต่คนระดับล่างรอด แต่ในวิกฤติปี 2563 เจ้าสัว ธนาคาร บมจ.ต่างๆ รวมทั้งหุ้นกู้ก็จะได้รับการสนับสนุน แต่ชาวบ้านทั่วไปอาจรอดยาก!
อ้างอิง
<1> https://www.worldometers.info/coronavirus/country/luxembourg/
<2> https://bit.ly/2ymqy9w
<3> https://bit.ly/2xtZWDE
<4> https://www.thairath.co.th/news/foreign/1822858
<5> https://www.worldometers.info/coronavirus/country/ecuador/
<6> https://bit.ly/2VfsFUB
<7> https://www.matichon.co.th/foreign/news_2143667
<8> สติมา โควิดยังทำคนตายน้อยกว่ามะเร็ง เอดส์ มาลาเรีย หวัดใหญ่ https://bit.ly/3eosKOo