ธรรมกายสอนให้ทำบุญจนหมดตัวจริงหรือไม่
  AREA แถลง ฉบับที่ 253/2563: วันอังคารที่ 05 พฤษภาคม 2563

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            ข้อกล่าวหาประการหนึ่งต่อวัดธรรมกายก็คือ ธรรมกายสอนให้เราทำบุญจนหมดตัวจริงหรือไม่ ถ้าสอนเช่นนี้จริง การสอนเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่  เรามาค้นหาความจริงกัน

            ที่ผ่านมาเคยมี “ลุงวิศวกร” คนหนึ่งออกมาร้องเรียนว่าครอบครัวของตนทำบุญจนหมดตัวกับวัดธรรมกาย <1> โดยมีความว่า “นายชาติชาย บำรุงสุนทร อดีตวิศวกรเคมี วัย 62 ปี. . .ตนเองเข้ามาอยู่ภายในวัด 32 ปี โดยการฉุดกระชากลากของภรรยา. . .ทุกวันต้องมากินอาหารที่หอฉันภายในวัดพระธรรมกายทุกวันเพราะตนเองไม่มีจะกิน. . .ครอบครัวต้องเริ่มประสบปัญหาก็ต่อเมื่อภรรยาที่เคยอยู่ด้วยกันต้องแยกกันอยู่ เพราะภรรยาเสพติดทำบุญวัดพระธรรมกาย จนต้องสูญเสียทรัพย์สินมากมาย. . .”  อย่างไรก็ตามปรากฏว่านางทัศนีย์ บำรุงสุนทร ภริยาของนายชาติชายก็ออกมาให้สัมภาษณ์หักล้างคำกล่าวของสามีว่าไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น <2>  กรณีนี้จึงถือเป็นการหักล้างกันไป ไม่ฟังความข้างเดียวได้

            ยังมีอีกกรณีหนึ่งที่ “นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์. . .(กล่าวว่า) ตนบริจาคเงินก้อนสุดท้ายที่มีอยู่ ไม่แน่ใจว่าจะส่งลูกต่อดีมั้ย เพราะว่าลูกเรียนอยู่เมืองนอก หรือจะเอาเงินก้อนนี้ไปจ่ายดอกเบี้ยแบงก์ แต่นึกขึ้นมาได้ว่าวัดจะสร้างเสาค้ำฟ้า ตนก็เอาเงินก้อนสุดท้ายในบัญชีบริจาคไปทั้งหมดเลย เดี๋ยวต้องหาทางออกให้ลูกเอง วันที่บริจาคขนลุกน้ำตาไหล รู้สึกไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว จำได้จนตายเลย ปลื้มมาก” <3>  ข้อนี้ผู้เขียนก็ไม่ทราบว่าคลิปที่พบเห็นนั้นเป็นคลิปตัดต่อหรือไม่อย่างไร  และผู้เขียนก็ไม่ใช่คนวัดธรรมกาย จึงไม่อาจทราบรายละเอียดได้ คงต้องสืบค้นกันต่อไป

            การบริจาคแบบ “ทุ่มสุดตัว” อาจดูเป็นสิ่งที่น่ากลัวว่าจะได้รับการหลอกลวงหรือไม่  แต่เท่าที่ดู กรณีธรรมกาย ก็ไม่พบว่ามีการนำเงินไปใช้ส่วนตัว อย่างไรก็ตามในเรื่องของการบริจาคแบบ “ทุ่มสุดตัว” ก็ปรากฏอยู่หลายกรณีในพุทธศาสนา เช่น

            1. กรณีพระเวสสันดร <4> ที่พระองค์ทำบุญบริจาคแม้กระทั่งมเหสีและบุตร ซึ่งเป็นการบริจาคแบบ “ทุ่มสุดตัว” ที่ชัดเจนที่สุดกรณีหนึ่งว่า พระองค์ทำบุญแบบหมดเนื้อหมดตัวเลยทีเดียว ถือเป็นการสร้างมหาทานบารมีอย่างหาที่สุดมิได้เพื่อมีบุญมากพอที่จะหมดกิเลสนั่นเอง  อย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบัน “ลูกเมีย” ไม่ใช่สมบัติของเรา เราจะไปบริจาคแบบในสมัยโบราณเมื่อ 2,600 ปีก่อนก็คงไม่ได้

            2. อนาถปิณฑิกเศรษฐี “กราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดาเพื่อเสด็จไปประกาศพระศาสนายังเมืองสาวัตถี. . .พระบรมศาสดาทรงรับอาราธนา. . .ในระหว่างทางจากกรุงราชคฤห์ถึงกรุงสาวัตถี ระยะทาง 54 โยชน์ ได้บริจาคทรัพย์จำนวนมากให้สร้างวิหารที่ประทับเป็นที่พักทุก ๆ ระยะหนึ่งโยชน์ เมื่อถึงกรุงสาวัตถีแล้วได้ติดต่อขอซื้อที่ดินจากเจ้าชายเชตราชกุมาร โดย. . .ใช้เงินถึง 27 โกฏิ เป็นค่าที่ดิน และอีก 27 โกฏิ เป็นค่าก่อสร้าง. . .(เชตวนาราม). . .จัดพิธีฉลอง. . .9 เดือน. . .ได้จัดถวายอาหารบิณฑบาตอันประณีตแก่พระบรมศาสดาและพระภิกษุสงฆ์. . .กราบอาราธนาพระภิกษุจำนวนประมาณ ๒๐๐ รูป ไปฉันภัตตาหารที่บ้านของตนทุกวันตลอดกาล (จนหมดตัว). . .ภัตตาหารที่จัดถวายพระภิกษุสงฆ์ก็ลดลงทั้งคุณภาพและปริมาณ. . .ภิกษุสงฆ์ที่เป็นปุถุชนก็พากันไปรับอาหารบิณฑบาตที่ตระกูลอื่นที่ถวายอาหารมีรสเลิศกว่า. . .พระพุทธองค์ยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าอุบาสกทั้งหลาย ในฝ่ายผู้เป็นทายก” <5>

            3. จูเฬกสาฎกพราหมณ์ พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภถึงพราหมณ์ผู้นี้ซึ่งมี “ผ้าสาฎกสำหรับนุ่งของพราหมณ์นั้นมีผืนเดียว (ผลัดกันใช้กับภริยา). . .ได้ไปนั่งฟังธรรมทางด้านพระพักตร์พระศาสดา ครั้งนั้น ปีติ ๕ อย่างซาบซ่านไปทั่วสรีระของพราหมณ์นั้นเกิดขึ้นแล้ว เขาเป็นผู้ใคร่จะบูชาพระศาสดา คิดว่า "ถ้าเราจักถวายผ้าสาฎกนี้ไซร้, ผ้าห่มของนางพราหมณีจักไม่มี ของเราก็จักไม่มี" ขณะนั้น จิตประกอบด้วยความตระหนี่พันดวงเกิดขึ้นแล้วแก่เขา. . . (สุดท้าย) เขาข่มความตระหนี่ตั้งพันดวงได้แล้วทำสัทธาจิตให้เป็นปุเรจาริก ถือผ้าสาฎกไปวางแทบบาทมูลพระศาสดา. . .ทานของพราหมณ์ให้ผลทันตาเห็น พระเจ้าปเสนทิโกศล. . .รับสั่งให้พระราชทานผ้าสาฎก (และสิ่งอื่นอีกมากมาย และสรุปอีกว่า) รีบทำกุศลมีผลดีกว่าทำช้า” <6> นี่ก็เป็นการบริจาคแบบ “สุดๆ” ในพุทธศาสนาอีกตัวอย่างหนึ่งเช่นกัน

            4. เมณฑกเศรษฐี เป็นเศรษฐีอีกท่านหนึ่งที่ปรากฏในพระไตรปิฎก ที่ในยามยากแค้นสุดๆ เศรษฐีและครอบครัว 5 คนยังบริจาคข้าวที่เหลืออยู่น้อยนิดให้กับพระปัจเจกพุทธเจ้าโดยไม่เก็บไว้รับประทานเอง แต่สุดท้ายก็ได้อานิสงส์จากการทำดี ทำให้รอดพ้นจากความหิวโหย กลับมาร่ำรวยเหมือนเดิม <7>

            ผู้เขียนได้ค้นดูเอกสารของวัดธรรมกายได้เขียนไว้ว่า “การทำบุญจนหมดเนื้อหมดตัว ไม่มีจะกิน แล้วมานั่งเครียด ใจหมองในภายหลังอย่างนี้เป็นสิ่งถูกต้องหรือไม่?  อย่างนี้ถือว่าผิดหลักวิชชาเป็นอย่างมาก เพราะจากตัวอย่างที่เล่ามาข้างต้น ทุกคนที่ทำบุญไม่มีใครเครียดหรือใจหมองเลย แต่กลับปลื้มมาก ทั้งๆ ที่ชีวิตไม่เหลืออะไรแล้วเนื่องจากใจของพระโพธิสัตว์หรือผู้มีบารมีแก่กล้าไม่เหมือนใจของคนธรรมดา ดังนั้น หากใจของเรายังเป็นอย่างนั้นไม่ได้ ก็ให้ทำบุญอย่างเต็มที่เต็มกำลังเท่าที่เราจะสามารถทำได้ ซึ่งการทำบุญนั้น ไม่ว่ามากหรือน้อยก็ดีทั้งนั้น แต่ขอให้เราปลื้ม นึกถึงบุญให้ได้ตลอด แล้วเราก็จะมีความสุข. . .” <8>

            ข้อสังเกตที่พบเห็นก็คือ

            1. ในการฟังความนั้น ฝ่ายที่มุ่งร้ายก็อาจว่าไปทางหนึ่ง ฝ่ายศิษย์วัดก็อาจว่าไปอีกทางหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งทื่พึงคิดให้ได้ก็คือ เราต้องไตร่ตรองด้วยสติ ไม่ใช่ฟังความเขามาแล้วเกิดอคติไว้ก่อน

            2. อันที่จริงเงินทำบุญนี้เป็นของแต่ละคน ไม่ได้มาเบียดเบียนเราท่าน เขาก็ไม่ได้ถูกปล้น ทำบุญกันแล้วแต่ศรัทธามากกว่า แต่ก็อาจมีคนทำบุญเอาหน้า เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้า ก็คงเป็นเหตุผลส่วนตัว

            3. บางคนบอกวัดไปหลอก ไปกล่อม ก็คงพิสูจน์ไม่ได้เพราะศิษย์วัดแต่ละคนก็คงไม่ใช่คนโง่ และก็ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าเจ้าอาวาสได้นำเงินไปใช้ส่วนตัว  ส่วนที่นำไปสร้างถาวรวัตถุนั้น ในสมัยพุทธกาลก็มีมากมาย

            3. ปรากฏการณ์อันหนึ่งก็มีอยู่จริง คือ “ยิ่งให้ ยิ่งได้” เช่น กรณีเศรษฐีฝรั่งอย่าง Bill Gates หรือ Warren Buffet หรือ Angelina Jolie ท่านเหล่านี้บริจาคจำนวนมหาศาล ในทางตรงกันข้ามผู้ที่ชอบอ้างโน่นนี่นั่น มักจะบริจาคน้อยหรือไม่บริจาค

            4. มีข้อสังเกตประการหนึ่งก็คือ เรื่องนี้เกี่ยวกับการเมืองพอสมควร เนื่องจากมีความพยายามในการโค่นล้มธรรมกายมาเป็นระยะๆ ซึ่งถ้าเป็นในกรณีอลัชชีที่พบเห็นทั่วไป ก็คงล้มไปแล้ว แต่ในกรณีนี้ธรรมกายกลับยังสามารถยืนอยู่ได้ คงเป็นเพราะความศรัทธาที่เหนียวแน่นมาก

            ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า การทำบุญจนสิ้นเนื้อประดาตัวคงมีแต่ในกรณีพระโพธิสัตว์  แต่สำหรับปุถุชน การทำดีบริจาคทานพอประมาณ ก็คงจะเพียงพอแล้ว  คงไม่มีการหลอกให้ทุ่มสุดตัวดังที่มีการกล่าวร้ายต่อวัดธรรมกาย

อ้างอิง

<1> "ลุงวิศวกร"หมดตัวเพราะธรรมกายยืนประท้วงหน้าวัด. โพสต์ทูเดย์. 17 กุมภาพันธ์ 2560. https://www.posttoday.com/social/local/481375 นอกจากนั้นยังไปออกรายการโทรทัศน์อีกหลายรายการ เช่น รายการเผชิญหน้า 15 ธันวาคม 2559. “กลธรรมกาย” หลอกทำบุญหมดตัว https://www.youtube.com/watch?v=xmNvB7kTEy4

<2> เปิดใจภรรยา นายชาติชาย บำรุงสุนทร https://www.youtube.com/watch?v=G15XEhBVNJM และจดหมายชี้แจงที่ https://bit.ly/35uWAgg

<3> ย้อนฟัง “เจ้าสัวแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” ชวนสาวก “ธัมมี่” ปิดบัญชีบริจาควัด บอกอยากเห็นหลวงพ่อปลื้ม!! Manager Online. 1 มีนาคม 2560. https://mgronline.com/onlinesection/detail/9600000021425

<4> พระไตรปิฎก เล่มที่ 28 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 20 ขุททกนิกาย ชาดก ภาค 2 พระเวสสันดรทรงบำเพ็ญทานบารมี https://84000.org/tipitaka/atita/s.php?B=28&A=6511

<5> อนาถปิณฑิกเศรษฐี เอตทัคคะในฝ่ายผู้เป็นทายก. https://84000.org/one/3/02.html

<6> เรื่องพราหมณ์ชื่อจูเฬกสาฎก. http://www.tripitaka91.com/42-4-18.html#middle

<7> เรื่องเมณฑกเศรษฐี. https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=28&p=10

<8> กัลยาณมิตร. การทำบุญจนหมดตัวในสมัยพุทธกาลมีหรือไม่ ถือเป็นสิ่งผิดไหม? https://kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=16511

อ่าน 7,274 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved