ในเดือนพฤษภาคม 2563 อสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หลังจากผ่านวิกฤต โควิด 19 เดือนนี้เริ่มมีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น โดยในเดือนนี้มีจำนวนโครงการเปิดขายใหม่ทั้งหมด 33 โครงการ เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2563 จำนวน 20 โครงการ อีกทั้งจำนวนหน่วยขายและมูลค่าโครงการก็เพิ่มขึ้นตาม โดยลักษณะการพัฒนาเป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัย 32 โครงการ และอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ อีก 1 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายรวม 4,778 หน่วย มีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 24,462 ล้านบาท
ประเภทที่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุดในเดือนนี้ยังคงเป็นทาวน์เฮ้าส์ เช่นเดียวกับ 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดตัวสัดส่วนมากที่สุด 4 เดือนติดต่อกัน โดยมีจำนวนหน่วยเปิดขาย 2,437 หน่วย (54.4%) รองลงมาคือบ้านเดี่ยว 1,236 หน่วย (27.6%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านแฝด 396 หน่วย (8.8%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด จำนวนหน่วยขายของอาคารชุดจำนวน 385 หน่วย เปิดน้อยกว่าบ้านแฝดเสียอีก
ทำเลที่มีการเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่เขตเมืองชั้นกลาง สำหรับอาคารชุดจะตั้งอยู่ในบริเวณลาดพร้าวและบางแค เป็นต้น ส่วนที่อยู่อาศัยแนวราบส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บริเวณ ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันออก) ถนนเทพารักษ์ ถนนรามอินทรา ถนนกัลปพฤกษ์ ถนนเทิดไท ถนนพัฒนาการ และพื้นที่รอบนอก เช่น ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ถนนชัยพฤกษ์ตัดใหม่ ย่านบางบ่อและย่านลาดหลุมแก้ว เป็นต้น
ผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ จะพบว่าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (บริษัทมหาชน) มีจำนวน 9 บริษัท คือ บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ภัทร เฮ้าส์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัทในเครืออีกมากถึง 4 บริษัทและบริษัททั่วไปอีกจำนวนหนึ่ง
หากพิจารณาจำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดตัวในเดือนพฤษภาคมของปีนี้เปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมาจะพบว่า ในปีนี้มีจำนวนโครงการน้อยกว่า 4 โครงการ (-11%) มีมูลค่าโครงการน้อยกว่า 20,125 ล้านบาท (-45%) และจำนวนหน่วยขายลดลง 2,315 หน่วย (-34%) ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าแม้เดือนพฤษภาคม 2563 จะเปิดตัวโครงการใหม่มากกว่าเดือนเมษายน 2563 เป็นอันมาก แต่เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2562 การเปิดตัวยังถือว่าน้อยกว่าเดิมเป็นอย่างมาก นี่จึงเป็นภาวะหดตัวเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนขึ้นโครงการจึงต้องศึกษาตลาดให้ดีก่อน