จำเรื่องโฉนดที่ดินถุงกล้วยแขกของพระพยอมได้ไหม
  AREA แถลง ฉบับที่ 351/2563: วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน 2563

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            ในอดีตที่ผ่านมา กรณีพระพยอมซื้อที่ดินที่ได้จากการครอบครองปรปักษ์ แต่กลับเป็นการออกโฉนดที่มิชอบ พระพยอมจึงต้องคืนที่ดินที่ซื้อมา 10 ล้านบาท และถมดินไปอีก 1 ล้านบาท แก่เจ้าของไป  ข้อนี้ให้ข้อคิดอะไรในแง่ของเอกสารสิทธิ์บ้าง

เรื่องที่เกิดขึ้น
            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวถึงกรณีที่ดินดังกล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2550  ศาลจังหวัดนนทบุรีได้ตัดสินให้เพิกถอนการครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลยที่ 1 คือ นางวันทนา สุขสำเริง และจำเลยที่ 2 คือ มูลนิธิสวนแก้ว โดยให้กรรมสิทธิ์ที่ดิน 1 ไร่ 1 งาน 55 ตารางวา กลับไปเป็นของ นางทองอยู่ หิรัญประดิษฐ์ ตามเดิม  (https://bit.ly/37ume5E) การซื้อที่ดินด้วยเงิน 10 ล้านบาทในปี 2547 ก็เป็นโมฆะด้วย
            สำหรับการครอบครองปรปักษ์นั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ได้บัญญัติว่า "บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี. . .ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์" (http://bit.ly/2iDNJ3l)  โดยในการนี้จะต้องเป็นที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน แต่ถ้ามีหนังสือรับรองการทำประโยชน์  (น.ส.3 น.ส.3ก น.ส.3ข) ก็สามารถ "แย่งการครอบครองได้ภายใน 1 ปี

ไม่ทวงเงินคืนจากผู้ขาย
            พระพยอมไม่ฟ้องผู้ขายที่ดินแปลงนี้ (http://bit.ly/2hRv2Mv)  ท่านกล่าวว่า มีตัวละครหลายตัว (รวมศาลและกรมที่ดิน) ไม่ใช่มีเฉพาะผู้ขาย แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นที่ไม่ควรฟ้องผู้ขาย เพราะผู้ขายได้เงินจากมูลนิธิวัดสวนแก้วไป 10 ล้านบาท  แม้ผู้ขายได้เสียใช้จ่ายและลูกหลานใช้เงินไปแล้ว (ตามที่พระพยอมกล่าวซึ่งไม่ทราบว่าจริงหรือไม่) พระพยอมจึงควรเรียกร้องเงินมาคืนวัด  การไม่ทวงค่าเสียหายจากผู้ขายเพื่อเอาเงินวัดที่ได้จากสาธุชนผู้บริจาคคืนมา ก็เท่ากับทำเงินของส่วนรวมสูญไป  พระพยอมและมูลนิธิจึงควรใช้คืนแก่วัดเองหรือไม่
            นางวันทนา (ผู้ขาย) อ้างว่าตนและมารดาอยู่มา 30 ปีก่อนไปขอจดครอบครองปรปักษ์  แต่พระพยอมอยู่วัดสวนแก้วนี้ก่อนเสียอีก คือมาอยู่ตั้งแต่ปี 2521 (http://bit.ly/2iC6ztp) หรือ 36 ปีก่อนซื้อที่ดินแปลงนี้  พระพยอมก็เป็นคนที่เกิดแถวนี้  ท่านเดินบิณฑบาตผ่านที่ดินนี้ทุกวัน เจ้าของที่ดินและทายาทอาจเคยใส่บาตรท่านก็ได้  ท่านน่าจะพอรู้ว่าใครคือเจ้าของที่ดินแปลงข้างวัดนี้  นอกจากพระพยอมไม่ฟ้องนางวันทนาแล้ว ในภายหลังท่านยังเมตตาให้ที่พักอาศัยระยะหนึ่งโดยท่านบอกว่ามีคนตามล่านางอยู่ซึ่งเป็นข้อที่ไม่อาจพิสูจน์ (http://bit.ly/2iFmNA5)

เพ่งโทษไปที่กรมที่ดิน
            พระพยอมเคยกล่าวว่า ". . .เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน น่าจะช่วยกันคิด ช่วยค่าเสียหายทางวัดบ้าง ซึ่งหากทางวัดไม่ได้รับการเยียวยาเลย ก็อยากจะปิดวัดประท้วง. . .ถ้าไม่ทำอะไรเราจะดับเครื่องชน. . .ตอนนี้ร่างกายอาตมาก็ไม่ค่อยจะดี ถ้าอาตมาเป็นอะไรหรือตายไปก็ขอให้ญาติโยมรู้ไว้ว่าอาตมาตาย เพราะกรมที่ดิน. . .หากปีนี้เรียกร้องไม่ได้ผล ไม่ได้รับการเยียวยาให้ทางวัด 10 กว่าล้านบาท คงต้องปิดโครงการหลายอย่าง ทั้งให้ทุนการศึกษาเด็กนักเรียนปีละ 2-3 ล้านบาท ช่วยเหลือคนชรา หรือโครงการต่างๆ บวชเณรภาคฤดูร้อน คงต้องหยุดไว้อาลัย ไว้ทุกข์กับข้าราชการไทย" (http://bit.ly/2hSUhMN)
            นอกจากนี้พระพยอมยังกล่าวด้วยอารมณ์ว่า "อาตมาคงถึงขั้นต้องเอาโฉนดไปขยายใหญ่แล้วทาสีดำ พร้อมพวงหรีดขึ้นป้ายหน้าวัด และเขียนลงไปว่า “โฉนดอัปยศ ออกโดยกรมที่ดิน บางใหญ่” แล้วอาตมาจะปิดวัด 9 เดือน หลบไปพักผ่อนที่สาขาบุรีรัมย์ เพราะคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วมันแสลงใจที่ต้องเห็นที่ดินที่ถูกหลอกทุกวัน ต้องผ่านเข้าออกทุกวัน ทนไม่ได้จริงๆ และถ้าเจ้าหน้าที่ที่ดินบางใหญ่ยังไม่รู้สึกสำนึกที่จะเยียวยา ก็จะไปปักกลดประท้วงหน้าสำนักงานที่ดินบางใหญ่ ให้มันรู้ไปเลยพระก็ถูกหลอกได้" แต่สุดท้ายทำอนุสาวรีย์โฉนดถุงกล้วยแขก (http://bit.ly/2iPHYiH) และมอบถุงกล้วยแขกที่ทำด้วยโฉนดดังกล่าวให้อธิบดีกรมที่ดิน (พ.ศ.2557 http://bit.ly/2iPKGVx)

กรณีนี้ไม่อาจเอาผิดใครอื่น
            กรณีนี้ไม่อาจเอาผิด

            1. กรมที่ดินที่ออกเอกสารสิทธิ์ตามคำสั่งศาล ไม่อาจขัดได้
            2. ศาลก็ไม่ได้ผิด เพราะพิพากษาตามข้อมูลที่ได้รับมา
            ศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ก็ยังกล่าวว่ากรมที่ดินก็ไม่ได้ผิด ศาลก็ไม่ได้ผิด ต้องไปเอาเงินคืนจากนางวันทนา (คนขาย) (http://bit.ly/2j6hCIl)  และในการสู้คดี ผู้ขายก็กลับยอมยกที่ดินคืนแก่เจ้าของที่ดินอย่างง่ายดาย  แสดงว่าผู้ขายคงมีพฤติกรรมน่าสงสัย  ความผิดของคนขายที่ได้เงินไปเต็มๆ  แม้อาจไม่มีเงินเหลือเพราะส่วนหนึ่งใช้เพื่อการเสียภาษี ให้คนช่วยวิ่งเต้น หรือลูกหลานรวมทั้งตัวเองใช้เงินไปหมดแล้ว
            ดังนั้นในการซื้อที่ดินควรดูว่าเป็นที่ดินที่ได้จากการครอบครองปรปักษ์หรือไม่  หากใช่และมีโฉนดถูกต้อง ก็ต้องสืบทราบให้ชัดเจนว่ายังมีกรณีข้อพิพาทใด ๆ เกิดขึ้นได้หรือไม่  หาไม่จะเป็นความเสี่ยงประการหนึ่ง  แม้แต่ในกรณีโฉนดที่ดินที่สร้างหลังปี 2497 ที่มีพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่า และมีการประกาศเขตป่าสงวน ก็สามารถถูกเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ได้หากอยู่ในเขตป่าสงวนดังกล่าว

ตอนนี้ราคาเท่าไหร่
            อีกประเด็นหนึ่งก็คือ ราคาที่ดินแปลงนี้ที่พระพยอมซื้อในราคา 10 ล้านสำหรับที่ดิน 1 ไร่ 1 งาน 55 ตารางวา หรือ 555 ตารางวา เป็นเงินตารางวาละ 18,000 บาทโดยประมาณ  ในขณะนั้นที่ดินแถวนั้นขายกันในราคาประมาณตารางวาละ 21,000 บาท แสดงว่าท่านคงซื้อได้ต่ำกว่าราคาตลาดเล็กน้อย  อย่างไรก็ตามในขณะนี้ราคาที่ดินแปลงดังกล่าว ควรจะเพิ่มเป็นเงินตารางวาละ 60,000 บาท เพราะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงผ่าน  ดังนั้นหากจะซื้อมาอีกครั้งหนึ่ง ก็คงเป็นเงินรวม 33.3 ล้านบาท
            ราคาที่ดินแถวนั้นในช่วงปี 2546-2559 เพิ่มขึ้นประมาณ 8.4% ต่อปี ทั้งนี้จากฐานข้อมูลของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th)  การสูญเสียโอกาสจากที่ดิน 10 ล้านบาทเป็น 33 ล้านบาท  ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะคนขาย และทั้งฝั่งคนซื้อที่เป็นผู้ตัดสินใจทำนิติกรรม แต่ไม่ทวงเงินจากคนขายและครอบครัว ก็ควรรับผิดชอบ ไม่ควรให้เงินหายไปเฉยๆ

            ในการทำนิติกรรมที่ดินใด ๆ เราจึงต้องมีการตรวจสอบให้ดีเสียก่อน ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายพอสมควร  แต่ก็ไม่มากนัก เข้าทำนอง "ฆ่าควาย อย่าเสียดายเกลือ"

อ่าน 4,996 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved