เมื่อเร็วๆ นี้มีข่าว “คนเร่ร่อน” ฆ่าคนตายอีกแล้ว ความจริงเป็นอย่างไร ลองฟังความเห็นของ ดร.โสภณ ในฐานะประธานมูลนิธิช่วยคนเร่ร่อน

            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ในฐานะประธานมูลนิธิอิสรชนที่ช่วยเหลือคนเร่ร่อน ให้ความเห็นถึงข่าว “หนุ่มปั่นจักรยาน ถูกชายเร่ร่อน กระหน่ำฟาดหัว ดับสลด เผยปมโมโห” <1> ซึ่งดูคล้ายกับว่าคนเร่ร่อนเป็นภัยต่อสังคม  เรามาลองดูในรายละเอียดเพิ่มเติม

            ในแง่หนึ่ง “จากการสอบสวน นายวัยภพ จ่างไส อายุ 43 ปี เพื่อนผู้ก่อเหตุมาให้การว่า ขณะที่ตนและนายวัชรา ผู้ก่อเหตุกำลังนั่งดื่มเหล้ากัน บริเวณริมฟุตปาทหัวมุมถนนใกล้ที่เกิดเหตุ ระหว่างนั้นผู้ตาย. . .ได้ปั่นจักรยานเข้ามาจอด ก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ของ นายวัชรา ซึ่งวางอยู่โดยอ้างว่าจะขอดูเวลา แต่จังหวะนั้นนายวัชราคิดว่า ผู้ตายจะมาขโมยโทรศัพท์ เพราะทั้งคู่ก็ไม่รู้จักกันมาก่อน จนทั้งคู่เกิดมีปากเสียงและชกต่อยกัน ตนจึงเข้าไปห้าม กระทั่งทั้งคู่แยกย้าย แต่ระหว่างที่ผู้ตายกำลังปั่นจักรยานออกไปไม่ถึง 20 เมตร นายวัชรา ได้เดินไปคว้าเอาไม้หน้าสามซึ่งวางอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ พร้อมกับตะโกนเรียกผู้ตายให้หยุด ก่อนจะเดินถือไม้ปรี่เข้าไปหาและตี. . .” <2> กรณีนี้แสดงให้เห็นว่าเป็นการทะเลาะวิวาททั่วไปโดยผู้ตายเป็นผู้หาเรื่องก่อน และปกติผู้ก่อเหตุก็อยู่ในละแวกนั้นและไม่ได้มีปัญหากับใคร

            การนี้สอดคล้องกับ “คำให้การด้านนายอนุจิต แต้ตี่ เจ้าของร้านชำผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมานายเก่ง ผู้ตายปั่นจักรยานมาจอดหน้ารถตน ข้ามไปหานายวัชรา ที่กินเหล้ากับเพื่อน นายเก่งพูดน้ำเสียงชวนหาเรื่องขอดูเวลา แต่นายวัชราไม่ยินยอม จึงต่อยกัน นายเก่งสู้นายวัชราไม่ได้ เพราะตัวเล็กกว่า นายวัชราจึงคว้าไม้หน้าสามมาตี นายเก่งปั่นจักรยานเหมือนจะหนี แต่ก็ไม่หนี จอดรถรอทำให้ถูกคนก่อเหตุตีไม่ยั้ง ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า นายวัชราไม่ได้หาเรื่องก่อน แต่นายเก่งเป็นคนหาเรื่องต่างหาก อีกทั้งไม่เคยเห็นหน้านายเก่งมาก่อน เห็นแต่นายวัชราและผองเพื่อนที่นัดมาซื้อเหล้าที่ร้านตนเป็นประจำ” <3>

            ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่ากรณีนี้ก็เหมือนข่าวอาชญากรรมทั่วๆ ไปที่มีการบันดาลโทสะ ไม่ใช่เฉพาะกรณีของคนเร่ร่อนแต่อย่างใด และคนเร่ร่อนรายที่ก่อเหตุนี้ก็อยู่แถวนั้นเป็นประจำ ไม่เคยมีประวัติการทำร้ายร่างกายใครเลย  ข้อสังเกตประการหนึ่งก็คือ คนทั่วไปมักมีความรู้สึกไม่ดีนักกับคนเร่ร่อน  จะเห็นได้ว่าตู้รับบริจาคช่วยคนเร่ร่อนยังได้รับเงินบริจาคน้อยกว่าการบริจาคช่วยหมาแมวเป็นอย่างมากเพราะสังคมมองคนเร่ร่อนในแง่ลบ

            ในความเป็นจริง คนเร่ร่อนทั่วไปมักจะกลัวคนทั่วไปมากกว่า เพราะตนด้อยกว่าบุคคลอื่นๆ และถือว่าตนอยู่ในบริเวณชายขอบของสังคมที่ “จนยิ่งกว่าจน” กว่าชาวบ้านในชุมชนแออัดบุกรุกต่างๆ ที่ยังพอมีที่อยู่อาศัยบนที่ดินบุกรุกก็ตาม  อีกสิ่งหนึ่งที่สังคมพึงเข้าใจก็คือ คนเร่ร่อนนั้นแตกต่างจากขอทานเป็นอย่างมาก เพราะขอทานเป็นอาชีพที่มักก็อาชญากรรมอย่างหนึ่ง เช่น การลักหรือทรมานเด็กมาขอทาน และวันหนึ่งขอได้เงินประมาณ  500-1,000 บาท หรืออาจมากกว่านี้ และทำเป็นขบวนการจนกลายเป็นการค้ามนุษย์  ส่วนคนเร่ร่อน ทำมาหากินด้วยการเก็บขยะไปขายบ้าง และขัดสนขนาดที่มักต้องนอนข้างถนน เป็นต้น

            ดร.โสภณจึงอยากให้สังคมมองคนเร่ร่อนในทัศนะที่ให้โอกาส เพื่อให้คนเร่ร่อนได้กลับเข้ามาในสังคมปกติ ก่อนที่บางคนจะกลายเป็นคนเสียสติ และอาจก่อเหตุทำร้ายผู้อื่นได้จริงๆ

อ้างอิง
<1> หนุ่มปั่นจักรยาน ถูกชายเร่ร่อน กระหน่ำฟาดหัว ดับสลด เผยปมโมโห. ข่าวสด 1 สิงหาคม 2563. https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_4624879
<2> รวบชายเร่ร่อน ตีดับหนุ่มใหญ่ด้วยไม้หน้าสาม อ้างฉุนฉกมือถือ-ถูกชกต่อย. ไทยรัฐ 1 สิงหาคม 2563. https://www.thairath.co.th/news/local/central/1901619
<3> เพื่อนบ้านเล่านาทีสยอง หนุ่มคว้าไม้หน้าสาม ตามตีคนเร่ร่อนจนตาย รับไม่ได้มาขอดูมือถือ. Kapook.com 1 สิงหาคม 2563. https://hilight.kapook.com/view/204882 และ นาทีสยอง! หนุ่มโดนไม้หน้าสามฟาดดับ เหตุขอดูมือถือเพื่อน พยานชี้คนตายหาเรื่องก่อน (คลิป). https://www.amarintv.com/news/detail/40852