ตามที่มีข่าวรัฐมนตรีท่านหนึ่งมอบทุนการศึกษาแล้วปรากฏว่าให้นักเรียนหมอบกราบส่วนตัวรัฐมนตรีนั่งเก้าอี้ ภาพนี้ดูไม่งามดู “ตีตนเสมอเจ้า” ชอบกล อันที่จริงควรเลิกประเพณีหมอบกราบได้แล้วเพราะเป็นการแบ่งชนชั้น ดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวถึงกรณีรัฐมนตรีนายหนึ่งมอบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนโดยมีการหมอบกราบกัน ซึ่งดูไม่เหมาะสม แต่ท่านรัฐมนตรีก็ออกมากล่าวว่าการหมอบกราบนี้ดำเนินการตั้งแต่สมัยคุณพ่อของท่านซึ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรีและเป็นผู้สูงวัยมากแล้ว และต่อไปท่านรัฐมนตรีจะไม่ให้มีการหมอบกราบอีก (https://bit.ly/3gSWgg7)
ข้อแก้ตัวนี้ฟังไม่ขึ้น แม้แต่พ่อของท่านก็ไม่ควรได้รับการหมอบกราบเช่นนี้ เพราะดู “ตีตนเสมอเจ้า” ชอบกล ท่านควรเตือนพ่อท่านตั้งแต่สมัยมีชีวิตอยู่ และในสมัยนี้ที่ท่านรัฐมนตรีซึ่งอาวุโสน้อย ก็ยิ่งน่าจะคิดได้เองว่าไม่เหมาะสมที่จะกระทำเช่นนี้ อย่างไรก็ตามส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการจัดฉากของทางโรงเรียนหรือไม่ ทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต ถือเป็นการ “เอาใจ” กันหรือไม่
ยิ่งกว่านั้นกิจกรรมมอบทุนการศึกษาที่ทำกันในครั้งนี้ได้จัดขึ้นมาอย่างใหญ่โต มีการต้อนรับ มีกิจกรรมรำ หรือแสดงบนเวทีต่างๆ ซึ่งต้องเตรียมการ ในวันงานก็ต้องมีคณะครูและเจ้าหน้าที่มาเกี่ยวข้อง เสียค่าดำเนินการ เสียค่าน้ำไฟไปเท่าไหร่ ต้นทุนเหล่านี้ใครเป็นคนออกค่าใช้จ่าย ท่านรัฐมนตรีควักเงินเพิ่มหรือโรงเรียนใช้งบประมาณแผ่นดิน ไม่แน่ว่าต้นทุนที่ใช้จัดงานอาจมากกว่าเงินทุนการศึกษาที่แจกไปหรือไม่
อย่างการแจกทุนในครั้งก่อนปี 2562 ที่หอประชุมโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี รัฐมนตรีท่านนี้ก็ไปแจกทุนการศึกษา โดยเป็นทุนเรียนดี ประพฤติดี จำนวน 30 ทุน ทุนละ 3,000 บาท และทุนนักเรียนวงโยธวาทิต 40 ทุน ทุนละ 2,000 บาท รวม 170,000 บาทในโรงเรียนแห่งนี้ แต่ปรากฏว่ามีรองผู้วาราชการจังหวัด นายก อบจ. ศึกษาธิการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารสถานศึกษา ขาราชการครู ตำรวจ ทหาร และผู้ปกครองนักเรียน เข้าร่วมพิธีนี้ด้วย แถมมีการแสดงสารพัด (https://bit.ly/3kBYOkV) แบบนี้ต้นทุนการ (ซ้อม) จัดงานรับทุนมากกว่าทุนที่แจกอย่างแน่นอน
ถ้าเทียบกับ ดร.โสภณ ในฐานะประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ทุกปีก็แจกกทุนการศึกษาประมาณ 30-40 ทุนแก่บุตรเพื่อนร่วมงาน (พนักงาน) โดยแจกคนละ 5,000 บาท ตั้งแต่เด็กอนุบาลเป็นต้นไป นอกจากแจกทุนการศึกษาแล้ว ยังมีโต๊ะจีนเลี้ยง หรือบางปีก็เป็นเครื่องดื่มเครื่องเคียงอื่นมาเลี้ยงแก่พ่อแม่ของเด็กที่มารับทุนการศึกษาด้วย โดย ดร.โสภณ เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง การรับทุนก็เป็นแค่การไหว้กันธรรมดาเท่านั้น
ในสมัยรัชกาลที่ 5 เคยมีพระราชดำรัสว่า “ธรรมเนียมที่หมอบคลานนั้น ให้เปลี่ยนอิริยาบถเป็นยืนเป็นเดิน ธรรมเนียมที่ถวายบังคมและกราบไหว้นั้น ให้เปลี่ยนอิริยาบถเป็นก้มศีรษะ” โดยตรัสต่อที่ประชุมมหาสมาคมหลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. ๒๔๑๖ เมื่อมีพระชนมายุครบ ๒๐ พรรษา เป็นการเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียมครั้งใหญ่ คือ เปลี่ยนจากการหมอบคลานเข้าเฝ้าหรืออยู่เฉพาะพระพักตร์มาเป็นการยืนโค้งศีรษะตามแบบอารยประเทศ เพราะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของชาวตะวันตก. . .ว่าเป็นการกระทำที่กดขี่เหยียบย่ำมนุษย์ด้วยกัน (https://bit.ly/3fMecYk)
เราต้องเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เสมอหน้ากัน เลิกประพฤติและมีความคิดศักดินาได้แล้ว