เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ 17 และอังคารที่ 18 สิงหาคม 2563 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ในฐานะคณะกรรมการกำกับการศึกษาการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์สำหรับพื้นที่จัดตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ ได้ลงพื้นที่สานเสวนา รอบ 2
ในการนี้ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 ดร.โสภณได้ไปเยี่ยมอาคารชิโนโปรตุกีส ถ นิพัทธ์อุทิศ 1 ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ข้อความต่อไปนี้บรรยายเกี่ยวกับอาคารดังกล่าว จาก นสพ.ผู้จัดการ (https://bit.ly/31aq1Dq)
นอกจาก “เมืองสงขลา” ที่มี “อาคารชิโนโปรตุกีส” แล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่ยังคงอนุรักษ์อาคารชิโนโปรตุกีสเอาไว้ นั่นก็คือ “เมืองหาดใหญ่” หากใครมาเที่ยวหาดใหญ่ ถนนนิพัทธ์อุทิศ 1 หรือว่าสาย 1 ถือเป็นอีกเส้นทางคมนาคมหลักที่ชาวหาดใหญ่ ใช้สัญจรไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ เลยก็ว่าได้
แต่หากลองสังเกตดีๆ ถนนเส้นนี้ ก็มีความเก่าแบบเก๋าๆ อยู่เช่นกัน และถูกนำมาทาสีใหม่ตั้งนาน จนตอนนี้เกือบจะซีดไปอีกรอบแล้ว โดยเป็นการผสมผสานเอาความเป็นศิลปะแบบตะวันตก และตะวันออกเข้ากันไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน จึงถูกเรียกตึกในลักษณะแบบนี้ว่า “ตึกชิโนโปรตุกีส” เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในย่านถนนเส้นนี้ และยังมีสีสันที่สวยงดงามอีกด้วย
ตึกชิโนโปรตุกีสที่นี่นั้น มีทั้งหมดด้วยกัน 8 คูหา โดยมีเจ้าของเป็นชาวปีนัง มีความเก่าไปตามกาลเวลา ถึงแม้รูปทรงจะคล้ายๆ กัน แต่ในส่วนของกระจก แต่ละคูหายังมีความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ในแต่ละหลังอีกด้วย จริงๆ แล้วก็รูปทรงเดียวกัน แต่คนที่อยู่ก็ดัดแปลงตามความสะดวก และปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย ใครสัญจรผ่านไปผ่านมาบนถนนเส้นนี้แล้วติดไฟแดง ก็ลองสังเกตดูความงามกันได้ หรือจะถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกก็ได้ไม่ว่ากัน
เมื่อลองย้อนดูประวัติคร่าวๆ อาคารชิโนโปรตุกีสที่หาดใหญ่ “Sino” แปลว่า “จีน” ส่วน “Potuguese” แปลว่า “โปรตุเกส” ชาติแรกที่มายึดครองเอเชียที่มะละกา และเป็นชาติแรกที่เข้ามายังสยามประเทศ
อาคารชิโนโปรตุกีสสร้างครั้งแรก จำนวน 9 ห้อง โดยผู้สร้างเป็น ชาวจีนฮกเกี๊ยน ชื่อ “ฮา หวั่น ซิน” มาจากเมืองอิโปร์ของมาเลเซีย จากการเชิญชวนให้มาช่วยพัฒนาเมืองหาดใหญ่ ในช่วงขุนนิพัทธ์กับฝรั่งชาวอังกฤษไปดูงานเหมืองแร่ที่นั่น “เหมืองปินังติลล์” ที่บ้านดินลาน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เคยเขียนไว้ในเรื่อง “ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์-ประวัติเหล้าขาว”
ซึ่งในการสร้างได้ซื้อที่ดินจากขุนนิพัทธ์จีนนคร สมัยก่อนยังไม่มีกฎหมายบังคับคนต่างด้าวห้ามซื้อที่ดินในประเทศไทย และเพิ่งจะมีกฎหมายประกาศในภายหลัง เมื่อสร้างเสร็จก็มอบหมายให้ญาติ ชื่อ “ฮา หวี่ เถ่า” ร้านเครื่องหนังซิ้วเหงี่ยน รุ่นลูกหลาน เป็นคนช่วยเก็บค่าเช่าบ้าน ก่อนจะขายเป็นห้องๆ ในภายหลังให้กับคนหาดใหญ่ไป
สมัยก่อนก่อนอาคาร 9 ห้องนี้ เคยเป็นฉากประกอบภาพยนตร์ฝรั่งเรื่อง “Killing Field” มาแล้วด้วย ส่วนอาคารอีก 3 หลังนี้ ตามคำบอกเล่าอีกเช่นเดียวกัน เป็นร้านทองแห่งแรกของหาดใหญ่ เจ้าของเป็นจีนฮกเกี๋ยน มาจากปีนัง (มาเลเซีย) ต่อมาได้ย้ายกลับไปสิ้นชีวิตที่บ้านเกิดปีนัง เพราะข่าวว่าตรอมใจตาย ที่บุตรชายคนเดียวไปหลงงมงายกับการพนันวัวชน บ่อนวัวชน ห้ามปรามยังไงก็ไม่เชื่อฟัง จนกระทั่งสิ้นไร้ไม้ตอกสุดท้ายชีวิตเป็นเด็กเลี้ยงวัวชนให้กับกำนันวร