วันนี้ (3 กันยายน 2563) นายกฯ เปิดทำเนียบฟังความแต่จากคนกลุ่มเดียวในวงการและพวกนายหน้าต่างชาติ ดร.โสภณ เสนอให้จัดแบบโปร่งใส ใครเสนออะไรต้องเปิดเผย ว่าไม่ได้เสนอเพื่อตัวเอง และควรเชิญผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าร่วมสานเสวนา
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เห็นข่าวที่นายกรัฐมนตรีเปิดทำเนียบฟังเสียงของนักพัฒนาที่ดินเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาอสังหาริมทรัพย์ ปรากฏว่ามีแต่ผู้แทนจากสมาคมด้านอสังหาริมทรัพย์ไม่กี่คน และตัวแทนของบริษัทพัฒนาที่ดินจำนวนหนึ่ง ตลอดจนบริษัทนายหน้าข้ามชาติไม่กี่แห่ง
การรับฟังความคิดเห็นในลักษณะนี้เชื่อถือไม่ได้ เพราะในวงการอสังหาริมทรัพย์ มีผู้เกี่ยวข้องมากมาย เช่น สมาคม-มูลนิธิที่เกี่ยวกับนักพัฒนาที่ดินในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคราว 20 แห่ง เกี่ยวกับนายหน้า การขาย 3 แห่ง เกี่ยวกับบริษัทรับสร้างบ้าน 2 แห่ง เกี่ยวกับการประเมินค่าทรัพย์สิน 3 แห่ง เกี่ยวกับสินเชื่อ เกี่ยวกับผู้ซื้อบ้าน รังวัด เและอื่นๆ อีกรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 50 องค์กร แต่รัฐบาลกลับเลือกฟังแต่รายใหญ่ๆ นายหน้าไทยแท้มีมากมาย ก็กลับเลือกฟังแต่บริษัทสาขาจากต่างประเทศ
การไม่ฟังเสียงส่วนใหญ่ รวบรัดฟังแต่รายใหญ่ ก็ทำให้นโยบายต่างๆ ที่ออกมาย่อมสนับสนุนรายใหญ่มากกว่ารายย่อย ย่อมเอื้อประโยชน์ต่อนักพัฒนาที่ดินมากกว่านักวิชาชีพที่เกี่ยวข้องอื่น ย่อมทำเพื่อวงการอสังหาริมทรัพย์มากกว่าจะคิดช่วยแก้ไขปัญหาของประเทศเป็นเป้าหมายโดยตรง จริงอยู่ว่าบริษัทพัฒนาที่ดินในตลาดหลักทรัพย์รวม 45 แห่งจะมีการผลิตที่อยู่อาศัยถึงเกือบครึ่งหนึ่งในขอบเขตทั่วประเทศ แต่นักพัฒนาที่ดินรายย่อยทั้งในกรุงเทพมหานครและในต่างจังหวัดก็มีอีกนับพันๆ แห่ง เราควรส่งเสริม SMEs เช่นกัน ประเทศจึงจะเจริญอย่างมั่นคง
วิธีการที่จะรับฟังความคิดเห็นนั้นจะต้องเปิดเผยต่อสังคม ให้สื่อมวลชนได้รับฟังด้วย อย่าได้ปกปิดไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าทำข่าวอย่างที่ทำอย่างลับๆ ในวันที่ 3 กันยายนนี้ ที่สำคัญควรทำเป็น FB Live ไปเลย ประชาชนจะได้รับรู้ด้วย นโยบายต่างๆ ต้องโปร่งใส เปิดเผยได้ ไม่ได้มีอะไรเป็นความลับ ไม่ได้มีอะไรเป็นความมั่นคงของชาติ และที่สำคัญ ประชาชนจะได้เห็นได้ด้วยว่าใครเสนอวิธีการใดๆ ที่เอาเปรียบสังคมหรือไม่ หรืออย่างน้อยก็เป็นการปรามไม่ให้ใครเสนออะไรเพื่อตนเองเป็นหลัก
จะคิดหานโยบายที่เหมาะสมต่อประเทศไทยในด้านอสังหาริมทรัพย์นั้นทำไม่ยากเลย เพียงระดมสมองจากนักวิชาชีพที่เกี่ยวข้องให้ทั่วถึง รวมถึงผู้รู้ในวงการทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอย่างเป็นระบบในลักษณะการสานเสวนา เพื่อสังเคราะห์ออกมาแนวคิดเชิงนโยบายอย่างมีบูรณาการ ก็สามารถทำได้ การเลือกฟังแต่กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายใหญ่ หรือพวกนายหน้าจากต่างประเทศ เป็นวิธีการแบบสุกเอาเผากิน ไม่เอื้อประโยชน์ต่อวงการทั้งหมดและสังคมโดยรวม
นายกฯ ต้องเลือกฟังแต่เฉพาะกลุ่ม และควรมีเป้าหมายอยู่ที่ประชาชนเป็นสำคัญ