ตามที่มีข่าวว่าจะมีการให้กู้เงินซื้อบ้านโดยผ่อนนานถึง 70 ปีประมาณ 2-3 ชั่วรุ่นนั้น ดร.โสภณ เตือนสติแรงๆ อย่าทำแบบนี้เด็ดขาด มีแต่เสียกับเสีย
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ให้ความเห็นว่าการผ่อนกู้ซื้อบ้านยาวนานถึง 70 ปีนั้น ดอกเบี้ยบานเบอะ คือการสูบเลือดเนื้อของประชาชนผู้กู้โดยเฉพาะ ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เป็นการเสียโอกาสในอนาคต เสี่ยงต่อการถูกยึดไปในที่สุด ถือเป็นมาตรการที่ช่วยอุ้มสถาบันการเงินมากกว่าอุ้มประชาชน
ในการผ่อนนี้ ระยะ 2 ปีแรกอาจได้ดอกเบี้ยต่ำมากแบบ “หลอก” ให้ใช้บริการ คือประมาณ 2% แต่โดยเฉลี่ยตลอดอายุการกู้อาจจะมีดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ 6% จึงใช้ดอกเบี้ยเฉลี่ยนี้มาคิด ปรากฏว่าหากผ่อน 70 ปี ในกรณีกู้เงินซื้อบ้าน 1 ล้าน บาท เงินผ่อนจะเป็นเดือนละเพียง 5,077 บาท ซึ่งถือว่าต่ำมาก แต่คนผ่อนอาจไม่ทราบว่าเมื่อครบ 70 ปีนั้น ก็เท่ากับเป็นการผ่อนต้น 1 ล้านบาท แต่ผ่อนดอกเบี้ยถึง 3.26 ล้านบาทเลยทีเดียว หรือดอกเบี้ยเท่ากับ 3.26 เท่าของเงินต้นที่ต้องผ่อนชำระ
ถ้าอัตราการผ่อนปกติคือ 20 ปี เงินผ่อนอาจมากหน่อยคือ 7,164 บาท ซึ่งการผ่อน 70 ปีนั้น ทำให้อัตราการผ่อนชำระลดลงเพียง 29% แต่ผ่อนยาวนานออกไปถึง 50 ปี อย่างนี้ผู้ผ่อนมีแต่จะเสียหาย เป็นการป้อนอาหารระยะยาวให้กับสถาบันการเงินโดยตรง เป็นการสร้างความมั่นคงให้กับสถาบันการเงิน ทั้งนี้เงินผ่อนที่คำนวณนี้ยังไม่รวมเงินประกันสารพัดที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มเติมโดยผู้ผ่อน
การผ่อนยาวแบบนี้ทำให้สูญเสียโอกาสในอนาคต (Opportunity Costs) ไปอย่างน่าเสียดายเพราะติดกับดักการกู้เงิน อันที่จริงถ้าเลี่ยงได้ คนเราไม่ควรกู้เงิน ถ้ากู้ก็ควรกู้แต่น้อย และถ้าผ่อนอยู่ก็ไม่ควรผ่อนหลายอย่าง หลายทาง ที่สำคัญที่สุดก็คือไม่ควรผ่อนนาน ต้องพยายามเทและผ่อนให้จบเร็วที่สุดเพื่อจะได้มีโอกาสไปลงทุนอย่างอื่นในอนาคต ในระหว่างทางถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาผ่อนต่อไม่ไหว บ้านก็คงถูกยึด หรือบ้านอาจจะพังไปก่อนผ่อนหมดด้วยซ้ำไป
อย่าหลงไปกับมาตรการผ่อนยาวๆ ที่ช่วยสถาบันการเงินมากกว่าช่วยประชาชน