ชะตากรรมแหล่งท่องเที่ยว มัลดีฟส์ สิงคโปร์ ฮ่องกง บาหลีวันนี้
  AREA แถลง ฉบับที่ 614/2563: วันพุธที่ 14 ตุลาคม 2563

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            ธุรกิจท่องเที่ยวพังทั้งแถบก็ว่าได้ ประเทศที่มีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวทำอย่างไรกันบ้าง มาดูมัลดีฟส์ สิงคโปร์ ฮ่องกง เขารับมือกันอย่างไรในขณะนี้

            ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤติการท่องเที่ยวที่ขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวนเท่ากับศูนย์ แตกต่างจากปีก่อนหน้าที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเดือนละ 3 ล้านคน  เมืองท่องเที่ยวไทยกำลังแห้งตาย เช่น พัทยา ภูเก็ต สมุย หัวหิน เชียงใหม่ แต่ก็มีความพยายามในการฟื้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งก็คงจะสำเร็จได้ยาก เพราะเม็ดเงินที่ขาดหายไปมันมากเกินกว่าที่การท่องเที่ยวกันเองในหมู่คนไทยจะช่วยได้

            ณ วันที่ 29 กันยายน 2563 มีคนตายเพราะโควิด-19 จำนวน 1,005,532 รายแล้ว แต่ ณ ห้วงเวลาเดียวกัน ก็ยังน้อยกว่าจำนวนคนตายเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ (1,006,773 ราย) เพราะเอดส์ (1,253,754 ราย) เพราะแอลกอฮอล์ (1,865,345 ราย) เพราะบุหรี่ (3,728,343 ราย) และตายเพราะมะเร็ง (6,125,312 ราย) ดังนั้นโควิด-19 จึงไม่นับว่าร้ายแรง ทั้งนี้มีอัตราการรอด 96% แต่โรคอื่นๆ โอกาสรอดคงน้อยมาก <1>

            จากข้อมูลของ Worldometer แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุด แต่จำนวนผู้ติดเชื้อก็ลดลงตามลำดับ จำนวนผู้เสียชีวิตก็ลดลงมา  รวมทั้งในทวีปยุโรป แม้บางประเทศจะมีการ “ระบาดรอบ 2” แต่ในรอบ 2 นี้ แม้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่จำนวนผู้เสียชีวิตน้อยกว่ารอบแรกมาก  ที่น่าห่วงคือประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้เสียชีวิตกำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะอินเดียที่มีพรมแดนติดกับเมียนมาและน่าจะแพร่เชื้อเข้าไทย อย่างไรก็ตามสัดส่วนผู้เสียชีวิตในอินเดียมีเพียง 2% เท่านั้น

            ผลจากการสำรวจจากผู้เชี่ยวชาญเกือบ 200 คนใน 33 ประเทศทั่วโลกของสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์สากล (FIABCI-Thai) พบว่าโควิด-19 จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ลดลง 10.4% จากภาวะปกติ  โดยภาคที่จะลดลงสูงสุดก็คือ โรงแรม (22.3%) รีสอร์ต (19.8%) ศูนย์การค้า (17.8%) และพื้นที่สำนักงานให้เช่า (16%) และคาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาฟื้นตัวในปี 2565 หรืออีกราว 2 ปีข้างหน้า <2> แสดงว่าในเร็ววันนี้ ตลาดยังไม่ฟื้นอย่างแน่นอน

            เศรษฐกิจของมัลดีฟส์ขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยวถึง 66.4% <3> การไม่มีนักท่องเที่ยวก็เท่ากับมัลดีฟส์เป็นเสมือน “นรก” ทางเศรษฐกิจดีๆ นี่เอง ประชาชนและธุรกิจต่างๆ คงอดอยากปากแห้งเป็นอย่างมาก  ดังนั้นมัลดีฟส์เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 <4> โดยตอนเปิดบอกว่าไม่มีข้อห้ามใดๆ เพียงแต่มีการตรวจประวัติล่วงหน้า 1 วันว่าผลการทดสอบไม่ติดไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตามปรากฏหลังจากประกาศเปิดจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2563 (ประมาณเดือนครึ่ง) มีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวรวมกันเพียง 9,329 คนเท่านั้น ทั้งนี้นักท่องเที่ยวมาจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ 1,627 คน อังกฤษ 715 คน และสหรัฐอเมริกา 674 คน แสดงว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะประเทศต่างๆ ก็ยังไม่ค่อยออกนอกประเทศไปเที่ยวกันนัก <5>

            ผลพวงการเปิดประเทศเมื่อ  15 กรกฎาคม 2563  ปรากฏว่าพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นจากแต่เดิมมาก จนถึงวันที่ 21 กันยายน 2563 มีผู้ติดเชื้อแล้ว 9,724 คน ตาย 33 ราย และหายป่วยแล้ว 8,261 คน จนต่อมารัฐบาลมัลดีฟส์ต้องเข้มงวดกับการเข้ามาของนักท่องเที่ยวมากขึ้น <6>  หากประเทศไทยเปิดประเทศ ก็คงจะเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกัน  คงมีผู้ติดเชื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก  และแพร่เชื้อไปยังพื้นที่อื่นๆ เช่น ภาคเหนือรอบจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งจังหวัดภาคตะวันออกทั้งหมดรอบๆ พัทยา และภาคใต้ตอนบนรอบๆ สุราษฎร์ธานี (สมุย) และภาคตอนล่าง (รอบๆ ภูเก็ต)

            สิงคโปร์ที่เคยมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับไทย ก็ยังปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าเมืองเช่นกัน โดยประกาศล่าสุดเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563 ระบุว่าสิงคโปร์ยังไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวระยะสั้นเข้าประเทศยกเว้นที่เข้าช่อง Green/Fast Lane หรือที่ได้รับอนุญาตก่อนการเดินทางมาถึงเท่านั้น  นอกจากนี้ในสิงคโปร์ยังมีมาตรการห้ามคนอยู่ใกล้กันเกินกว่า 1 เมตรอยู่เลย  <7>  กิจกรรมการท่องเที่ยวจึงหดหายไปเหลือแทบเป็นศูนย์ในสิงคโปร์  รัฐบาลสิงคโปร์ก็พยายามส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศแทน

            ในกรณีของฮ่องกงซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของโลก ปรากฏว่าปริมาณการเดินทางเข้าประเทศลดลงไปถึง 90% เศษหรือเรียกได้ว่าเกือบเป็นศูนย์เลยทีเดียว  จนนายกสมาคมการท่องเที่ยวฮ่องกงบอกว่า “เรากำลังจะตาย”  ทั้งบริษัททัวร์ 1,700 แห่ง โรงแรมและสายการบินทั้งหลาย  รัฐบาลฮ่องกงก็พยายามหาทางออก ด้วยการจะอนุญาตให้เปิดด่านชายแดนที่ติดกับเซินเจิ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาก่อน จากนั้นก็มีเป้าหมายที่จะขยายจำนวนนักท่องเที่ยวจากไทย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ <8>

            บาหลีเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งที่อาศัยนักท่องเที่ยวเป็นอันมาก 80% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของบาหลีมาจากการท่องเที่ยว  แต่การท่องเที่ยวก็ปิดไปจนถึงเดือนสิงหาคม ก่อนเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวภายในประเทศเอง  แต่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็คงต้องรอไปถึงสิ้นปี 2563 <9>  และแม้จะเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวภายในประเทศ ก็ไม่อาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ <10> เนื่องจากโควิด-19 ยังอยู่ในภาวะที่รุนแรงในอินโดนีเซียโดย ณ วันที่ 29 กันยายน 2563 มีผู้ติดเชื้อถึง 278,722 รายและเสียชีวิตแล้ว 10,473 ราย <11>

            ดูแล้วกิจการท่องเที่ยวทั้งหลายคงจะรอดยาก  นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในช่วงนี้คง “ไม่พอยาใส้” แถมเสี่ยงเรื่องแพร่เชื้ออีก  นักท่องเที่ยวในประเทศ ก็คงมีไม่เพียงพออยู่ดี  คนทำงานในอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวก็คงต้องเปลี่ยนอาชีพ (อย่างน้อยชั่วคราว) ไปก่อนโดยด่วน  การท่องเที่ยวคงจะไม่เกิดขึ้นอย่างจริงจังในช่วง 2 ปีนี้ และคาดว่าจะฟื้นตัวในปี 2565 หรือกินเวลา 2 ปีนับจากนี้  และหลังจากการฟื้นตัว การท่องเที่ยวก็คงค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ก้าวกระโดดดังหวัง

            สำหรับกรณีโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวทั้งหลาย  คงต้องคำนวณให้ดีว่าระหว่างเปิดดำเนินการต่อไปด้วยอัตราการเข้าพัก 20-30% เพื่อให้แค่พอคุ้มค่าใช้จ่าย กับการปิดไปเลย แล้วเปิดใหม่ในอีก 2 ปีข้างหน้าอย่างไหนจะคุ้มกว่ากัน  ถ้าโรงแรมมีอัตราผลตอบแทนปีละ 6% และขาดรายได้ไป 2 ปี ก็จะเท่ากับมูลค่าของโรงแรมลดไป 11% หรือเท่ากับ (1 / (1 + 6%) ^ 2) - 1  แต่ในด้านการต่อรองเพื่อซื้อโรงแรม อัตราผลตอบแทนนี้อาจบวกด้วยความเสี่ยงอีก 5% ก็เท่ากับราคาลดลงไปถึง 19% เลยทีเดียว หรือเท่ากับ (1 / (1 + 11%) ^ 2) - 1 นั่นเอง

            การออกพันธบัตรตั้งกองทุนซื้อโรงแรมและกิจการที่เกี่ยวข้องน่าจะเป็นทางออกหนึ่งในการแก้ปัญหาในเวลานี้

 

63-614.jpg

ที่มา: https://edition.mv/news/18899

 

อ้างอิง

<1> Worldometers. https://www.worldometers.info/

<2> World Properties After Covid-19: Views of Almost 200 Experts. AREA Press Release No. 479/2020: August 14, 2020. https://bit.ly/33XjrC7.

<3> Maldives - Contribution of travel and tourism to GDP as a share of GDP. https://bit.ly/35SDWAV

<4> The Maldives is now open to all global tourists. Here's how they're doing it. CNN July 16, 2020. https://edition.cnn.com/travel/article/maldives-reopens-tourism/index.html

<5> Only 9,329 tourist arrivals after Maldives reopened borders. September 3, 2020. https://edition.mv/news/18899

<6> Maldives tightens tourist virus rules after spike in cases. Medical Press. September 2, 2020. https://medicalxpress.com/news/2020-09-maldives-tightens-tourist-virus-spike.html

<7> Singapore Tourism Board. Advisory on COVID-19 for Visitors and Tourism Businesses. https://www.stb.gov.sg/content/stb/en/home-pages/advisory-on-covid-19.html

<8> South China Morning Post. ‘We are dying’: Hong Kong tourism industry pleads with government to restart travel, with Shenzhen trips first on list. September 24, 2020. https://www.scmp.com/news/hong-kong/hong-kong-economy/article/3102684/coronavirus-hong-kong-tourism-board-boss-says

<9> BBC. Coronavirus: Bali closed to foreign tourists until end of 2020. August 25, 2020. https://www.bbc.com/news/world-asia-53900565

<10> South China Morning Post. Bali tourism slump continues despite partial reopening amid Covid-19 pandemic. September 23, 2020. https://www.youtube.com/watch?v=Bf90OIEYseA

<11> Worldometer. Indonesia Covid-19. https://www.worldometers.info/coronavirus/country/indonesia/

 

อ่าน 8,634 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved