หนังสือ “CSR” ที่แท้ มาแล้ว
  AREA แถลง ฉบับที่ 658/2563: วันพุธที่ 04 พฤศจิกายน 2563

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            CSR ที่แท้เป็นอย่างไร ทำกันอย่างไร CSR เทียมเป็นการโฆษณาชวนเชื่ออย่างไร เป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์อย่างไร คนรับผิดชอบทำ CSR ควรรู้ และปฏิบัติให้ถูกต้องตามมาตรฐานสากล ผู้บริโภค ลูกค้า และประชาชนก็ควรรู้เพื่อช่วยกันดูแลสังคม และควบคุมวิสาหกิจให้อยู่ในทำนองคลองธรรม

            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้แต่งหนังสือเล่มนี้ โดยจัดพิมพ์เป็นครั้งที่ 7 แล้ว  ดร.โสภณ เคยสอนหลักสูตรนี้ในระดับปริญญาเอกที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และบรรยายเรื่องนี้ให้กับส่วนราชการและวิสาหกิจต่างๆ เป็นจำนวนมาก  ท่านใดสนใจซื้อสามารถสั่งซื้อได้ตาม link นี้: https://bit.ly/3mOB9y4 ราคา150 บาทพร้อมค่าจัดส่ง รายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ มอบให้มูลนิธิประเมินค่า-นายหน้าแห่งประเทศไทย เพื่อประกอบสาธารณประโยชน์ต่อไป

            CSR หรือ Corporate Social Responsibility ซึ่งแปลไทยว่า ความรับผิดชอบต่อสังคมของวิสาหกิจ ได้รับการกล่าวถึงมานานพอสมควร แต่ได้ถูกตีความไปต่าง ๆ นานา จนเข้าขั้นบิดเบือนไปเลยก็มี ดร.โสภณจึงตั้งใจเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อชี้ให้เห็นว่า CSR คืออะไรกันแน่ และมีแนวทางปฏิบัติให้ถูกต้องได้อย่างไร  โดยเขียนจากประสบการณ์จริงในฐานะผู้บริหารวิสาหกิจที่ปฏิบัติ CSR จริง  ไม่ใช่เฉพาะในแง่ของนักวิชาการ CSR

            ในสังคมอารยะยุคใหม่เช่นทุกวันนี้ น่าจะถือว่าหมดยุคของการทำธุรกิจแบบ ‘ด้านได้ อาย-อด’ แล้ว   การเอาเปรียบคนอื่นจนร่ำรวยแล้วยังมีหน้ามาชูคอในสังคม ไม่สมควรได้รับการยกย่อง แต่เราก็คงไม่ไปประณามใคร เพราะคงไม่ใช่แนวทางการสร้างสรรค์ เราควรทำธุรกิจแบบตระหนักรู้ถึงคติที่ว่า ‘ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว’ คนทำชั่ว ทำธุรกิจเอาเปรียบคนอื่น ฉกชิงผลประโยชน์ของคนอื่นโดยมิชอบ ย่อมเป็นการกระทำผิดกฎหมาย  อย่าลืมว่า ‘ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน’  การคดโกงนั้นย่อมเท่ากับการละเมิดต่อลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ และจะถูกลงโทษจนทำให้เสียทรัพย์ เสียชื่อเสียง จนอยู่ในธุรกิจนั้น ๆ ไม่ได้อีกต่อไป

            เราต้องเคารพและรู้จักให้เกียรติพลังประชาชนผู้บริโภค และเชื่อมั่นในหลักการศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า ‘ความดีย่อมชนะความชั่ว’ และ ‘คนดีผีคุ้ม’ เมื่อเราซื่อ เราก็ย่อมต้องมีกินโดยไม่หมด   เมื่อเราทำดี เราก็จะได้รับผลดี ๆ เป็นสิ่งตอบแทนอย่างแน่นอน  ในทางการตลาดและการขายสมัยใหม่ เราเรียกว่าการสร้างตรายี่ห้อสินค้า หรือ Brand นั่นเอง   และการทำธุรกิจให้ยั่งยืนอย่างแท้จริง จึงต้องสร้างด้วย Brand  จากการสั่งสมความดี มีคุณภาพ  และที่สำคัญมีหลักประกันจนได้รับความเชื่อถือจากผู้บริโภค  ทำให้สินค้าและบริการของเราสามารถขายได้กำไรมากกว่าเมื่อเทียบกับวิสาหกิจอื่นที่ขาด CSR

            ที่ว่ามานี้ไม่ใช่เรื่อง ‘คุณธรรม’ หรือ ‘มรรยาท’ ที่มักอยู่ที่การ ‘สมควร’ ทำตาม ‘ใจสมัคร’ แต่เป็นเรื่องของความจำเป็นทางข้อกฎหมายที่เราควรอยู่ในทำนองคลองธรรมโดยไม่ละเมิดผู้อื่น  ดังนั้นเราจึงไม่ควรอธิบาย CSR ด้วยหลักศาสนา  แต่ว่ากันตามความเป็นจริงของโลกที่เราต้องทำตามหน้าที่โดยละเลยไม่ได้  บางคนไขว้เขวว่าการมีหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่รับผิดชอบต่อผู้บริโภคหรือผู้ใช้บริการนั้น  อาจกลายเป็นการทำตามหน้าที่อย่างแกรน ๆ ไม่ได้ทำด้วยใจจริง  จึงเสนอแนวคิดว่าควรให้คนทำดีโดยสมัครใจจะดีกว่า   ในการอาสาทำดีนั้น ใคร ๆ ก็ควรทำเพื่อการมีมงคลต่อชีวิต  แต่จะต้องทำหน้าที่ของตนให้ครบถ้วนสมบูรณ์ก่อน  หาไม่จะกลายเป็นการ ‘ทำดีเอาหน้า’  ‘ลูบหน้าปะจมูก’  ‘ผักชีโรยหน้า’  หรือกลายเป็นการทำดีเพื่อปกปิดความผิดไป

            เราพึงตระหนักในเบื้องต้นว่า การทำ CSR อยู่ที่การเปลี่ยนแนวคิด (Mind Set) ของเรา  เปลี่ยนจากการทำธุรกิจแบบ ‘ตีหัวเข้าบ้าน’ หรือแบบโจร (ด้านได้ อาย-อด)  เป็นการทำธุรกิจแบบวิญญูชน (ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน)  ต่อมาจึงวางแผน ปฏิบัติการ และจัดทำรายงาน CSR เพื่อประกาศให้โลกรู้  และช่วยรณรงค์ให้เกิด CSR ในสังคมธุรกิจอย่างแท้จริง และเมื่อเราได้ทำดีตามหน้าที่พลเมืองดีแล้ว  ใครจะอาสาทำดีเพิ่มเติมก็เป็นสิ่งที่พึงชื่นชม   อย่าลืมว่า ‘ยิ่งให้ ยิ่งได้’ คนเราเกิดมาต้องสร้างสรรค์  ไม่คดโกง ไม่ก่ออาชญากรรม (ทางเศรษฐกิจ)  ไม่เอาเปรียบใคร  จะได้มีเกียรติเก็บไว้ให้ลูกหลานภูมิใจ

            โปรดสั่งซื้อตาม Link นี้: https://bit.ly/3mOB9y4
 

 

ดูข่าวที่เกี่ยวข้อง
อ่าน 22,876 คน
2025 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved