ที่ดินมีราคาราชการแค่ 1/3 ของราคาตลาด มุ่งเอื้อนายทุนใหญ่!
  AREA แถลง ฉบับที่ 666/2563: วันจันทร์ที่ 09 พฤศจิกายน 2563

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            ตามที่มีข่าวว่ากรมธนารักษ์ปรับราคาประเมินที่ดินใหม่ ราคาใจกลางเมืองเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นตารางวาละ 1 ล้านบาทนั้น  ดร.โสภณ ผู้เชี่ยวชาญการประเมินค่าทรัพย์สิน ระบุว่าราคาตลาดจริง เพิ่มเป็น 3.2 ล้านบาทแล้ว เท่ากับราคาประเมินกรมธนารักษ์เป็นแค่ 31% ของราคาตลาด หรือราคาตลาดสูงถึง 320% ของราคากรมธนารักษ์

            ตามที่มีข่าว “ส่อง ‘ราคาประเมินใหม่’ ทั่วกรุง ‘เพลินจิต-ราดำริ-วิทยุ’ พุ่งวาละล้าน” ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ในฐานะที่ประเมินค่าที่ดินทั่วเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระบุว่า ราคาที่ดินสูงสุดที่กรมธนารักษ์ประกาศที่ 1 ล้านบาทต่อตารางวานั้น เป็นราคาที่ไม่สะท้อนราคาตลาด เพราะราคาตลาดปัจจุบันในบริเวณรถไฟฟ้าสยามสแควร์ ชิดลม เพลินจิต และนานานั้น ปรับเพิ่มเป็น 3.2 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 แล้ว

            อันที่จริงราคาที่ดินแถวสยามสแควร์ น่าจะมีราคาตลาดตารางวาละ 1 ล้านบาทมาตั้งแต่ปี 2552 แล้ว ทั้งที่เมื่อเริ่มแรก ราคาตลาดอยู่ที่ 400,000 ต่อตารางวาในปี 2537 และ ณ สิ้นปี 2558 เมื่อออกราคาประเมินราชการรอบปี 2559-2562 ราคาตลาดในย่านนี้ก็ตกเป็นเงิน 1.9 ล้านบาทต่อตารางวาแล้ว แต่ทางราชการก็ประเมินไว้เพียง 900,000 บาท แสดงให้เห็นว่าราคาที่ดินของกรมธนารักษ์ไม่สะท้อนราคาตลาด เป็นราคาเพื่อการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นสำคัญ

            มาดูการเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินตามราคาของที่ดินที่แพงที่สุด ณ สยามสแควร์ จะเป็นดังนี้:

           

 

            อนึ่งเมื่อครั้งประเมินปี 2559-2562 กรมธนารักษ์ยกให้ย่านสีลมมีราคาสูงสุดที่ 1 ล้านบาท/ตารางวา แต่ในปีใหม่ 2563-2566 ให้ราคาประเมินกรมธนารักษ์ที่ 1 ล้านบาทเหมือนเดิม แต่ยกบริเวณย่านสยามสแควร์ให้เท่ากับสีลม ทั้งที่ย่านสยามสแควร์ที่มีรถไฟฟ้าผ่าน 2 เส้น มีศักยภาพสูงกว่า ถือเป็นย่านการค้าปลีก (Retail Centre) ที่มีผลตอบแทนสูงกว่าย่านสีลมซึ่งเป็นย่านการเงิน (Financial District)

            การที่ราคาทางราชการของกรมธนารักษ์ในพื้นที่ใจกลางเมืองต่ำกว่าราคาตลาดโดยเป็นเพียง 31% หรือหนึ่งในสามของราคาตลาด เท่ากับเป็นการช่วยเหลือให้นายทุนใหญ่ เจ้าที่ดินรายใหญ่ เจ้าสัว ได้ประโยชน์ จะได้เสียภาษีไม่มากนัก  สมมติว่าเจ้าที่ดินรายใหญ่รายหนึ่งครองที่ดิน 10 ไร่ หรือ 4,000 ตารางวา ถ้าราคาประเมินทางราชการเป็นเงินตารางวาละ 1 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 4,000 ล้านบาท หากต้องเสียภาษีในฐานะที่ดินเปล่า 1% ก็ต้องเสียภาษี 40 ล้านบาทต่อปี 

            แต่ถ้าที่ดิน 10 ไร่ นี้มีราคาประเมินราชการสูงถึง 3.2 ล้านบาทตามราคาตลาด ก็เท่ากับมีมูลค่าสูงถึง 12,800 ล้านบาท  หากเสียภาษี 1% เท่ากัน ก็จะเป็นเงิน 128 ล้านบาท  แต่เมื่อทางราชการประเมินราคาของกรมธนารักษ์ไว้ต่ำมาก ก็ทำให้เจ้าที่ดินรายนี้ต้องเสียภเพียง 40 ล้านบาท ประหยัดไปได้ 80 ล้านบาท  แถมใน พรบ.ภาษีทิ่ดินและสิ่งปลูกสร้างยังเอื้อเจ้าของที่ดิน เช่นว่า หากที่นำที่ 4 ไร่นี้ไปเลี้ยงวัวตัวหนึ่ง หรือไปปลูกต้นกล้วย แสร้งเป็นทำการเกษตร ก็ไม่ต้องเสียภาษีไป 3 ปีอีกต่างหาก  ภาษีและราคาประเมินจึงเอื้อต่อเจ้าที่ดินและนายทุนใหญ่โดยตรง

            คนรวยทำอะไรมักไม่น่าเกลียด (เพราะมีกฎหมายแอบคุ้มครองอยู่)

อ่าน 6,884 คน
2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved