นับแต่ปี 2549 หลังยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนของทักษิณ ยึดอำนาจซ้ำอีกเมื่อปี 2557 จากรัฐบาลจากการเลือกตั้งของยิ่งลักษณ์ ประเทศไทยก็กลายเป็นประเทศเผด็จการทรราช ไม่ยึดถือระบอบประชาธิปไตย
เผด็จการไทยที่ฝักไฝ่ประเทศจีน ทำให้ความสัมพันธ์ไทยกับสหรัฐอเมริกา ไม่สามารถคบกันได้อย่างสนิทสนมเช่นแต่ก่อน เพราะผิดกฎหมายสหรัฐที่ห้ามคบค้ากับประเทศเผด็จการเยี่ยงไทย ยกเว้นมีความจำเป็นเท่านั้น สหรัฐจึงหันไปสนับสนุน และฟูมฟักให้เวียดนามแข็งแรงและแข็งแกร่งขึ้นมา ให้ความสนับสนุน ทั้งความรู้ และฟื้นฟูเศรษฐกิจเวียดนามให้มั่นคงแข็งแรงให้ได้ก่อน จากนั้นก็จะลดความสัมพันธ์และลดการสนับสนุนเศรษฐกิจประเทศไทยเพราะจะได้เวียดนามมาคานอำนาจจีนแทนไทย
แม้เวียดนามจะเป็นประเทศสังคมนิยมแบบจีน แต่ก็ไม่อยู่ใต้อาณัติของจีน จีนจะสั่งซ้ายหันขวาหันไม่ได้ เวียดนามมีความเป็นอิสระ และยังวางตัวเป็นกลางระหว่างมหาอำนาจจีนและสหรัฐ ต่างจากไทยที่เอนเอียงไปทางจีนอย่างเด่นชัด และกลับต่อต้านสหรัฐในแทบทุกระดับนำของประเทศไทย การไม่วางตัวเป็นกลางเช่นนี้จะเป็นอันตรายมากสำหรับประเทศไทย ไม่เฉพาะแต่จากสหรัฐอเมริกา แต่ยังรวมถึงมหาอำนาจอินเดีย ที่ลงทุนสร้างเรือดำน้ำให้เมียนมาร์ฟรี (แต่ไทยต้องซื้อจากจีนนับแสนล้าน)
จะเห็นได้ว่าบรรดาพันธมิตรของสหรัฐ ต่างไปเวียดนาม เช่น ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่นต่างพาเหรดเดินทางไปลงทุนในเวียดนาม เวียดนามยังมีลักษณะคล้ายจีน เกาหลี ญี่ปุ่นที่มีความเป็นคนเอเซียตะวันออกเช่นกัน ทำให้ประเทศเหล่านี้ รวมทั้งสิงคโปร์ ฮ่องกง มักคุ้นชินกับเวียดนามมากกว่าไทย และหันไปตั้งฐานการผลิตโดยบอกลาประเทศไทย แม้แต่กรณีนักท่องเที่ยวก็พบว่าเดี๋ยวนี้จำนวนนักท่องเที่ยวเกาหลีและไต้หวันไปเวียดนามมากกว่ามาไทยแล้ว
เศรษฐกิจของเวียดนามจึงเฟื่องฟูไปอย่างก้าวกระโดด ชนิดที่ไทยต้องอ้าปากค้างด้วยความอิจฉา และรู้สึกหดหู่ในโชคชะตาของประเทศ ที่ทำร้ายตัวเองด้วยการรัฐประหาร แปลงประเทศเป็นเผด็จการ ผลักเพื่อนที่เป็นมิตรไม่เคยเอาเปรียบด้านเศรษฐกิจ และยอมขาดดุลด้านเศรษฐกิจให้ไทยมาตลอด ไทยทำตัวไม่แยแสคำทักท้วงให้ฟื้นฟูประเทศกลับมาเป็นประชาธิปไตย เพื่อการค้าขายกันได้ ไม่ผิดกฎหมาย
เผด็จการไทยหันไปคบค้าขายกับประเทศจีนคอมมิวนิสต์ โดยหวังว่า จะมาทดแทนและชดเชยเศรษฐกิจกับประเทศไทยได้ แต่ประเทศจีนไม่เคยมี GSP ให้ไทยเหมือนอเมริกา และจีนก็กีดกันทางการค้ากับไทย โดยไม่ยอมซื้อสินค้าจากคนไทยโดยตรง แต่จะซื้อสินค้าจากไทยกับคนจีนที่รัฐจีนให้เงินลงทุนซื้อกิจการในไทยเท่านั้น จีนเอาเปรียบไทยและไทยขาดดุลการค้าจีนมาโดยตลอด
คนไทยทุกคนจะไม่มีอิสระในการค้าขายกับจีน แต่จะถูกควบคุมโดยนักลงทุนชาวจีน ที่รวมตัวด้วยเงินสนับสนุนมหาศาล มาสร้างเงื่อนไขเศรษฐกิจในไทยให้จำยอม เพื่อสร้างผลกำไรแก่จีนสูงสุด เราจึงเสียดุลการค้ากับจีนมาตลอด เพราะเศรษฐกิจการค้าที่ไม่เท่าเทียมกัน การค้าของไทย สินค้าของไทย ไม่สามารถส่งไปขายที่จีนได้อย่างอิสระและเสรี แต่ประเทศจีน สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้มากมาย อิสระเสรีที่ประเทศไทยแบบสุดขั้ว ต่อไปนี้ ทั้งโรงแรม และธุรกิจท่องเที่ยว ระบบอุตสาหกรรม ก็ต้องตกอยู่ในระบบการค้าของจีนแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประเทศไทยจะหลุดจากกับดักนี้ไม่ได้เลย เพราะคำว่าเผด็จการที่ได้รับการรับรองโดยผู้มีอำนาจ
เรากำลังดิ่งลงเหว เด็กๆในอนาคตกำลังไม่มีอนาคต เพราะเศรษฐกิจที่เป็นเบี้ยล่างอย่างไม่ยุติธรรมที่เกิดจากการค้าไทยจีน การโค่นล้มเผด็จการ (ที่ได้รับการรับรองความชอบธรรม) และการทำให้ประชาธิปไตยกลับคืนมา จึงเป็นทางออก ที่ทำให้อนาคตของชนรุ่นหลัง ต้องทำ
เพราะถ้าไม่เอาประชาธิปไตยกลับมา เด็กรุ่นนี้ ก็จะไม่มีอนาคตที่ดี และรุ่งโรจน์เหมือนประเทศเวียดนามแน่นอน
ปัจจุบันนี้ ข้าวของประเทศเวียดนาม ก็ขายดีเป็นอันดับหนึ่ง แซงหน้าประเทศไทยไปหลายปีแล้ว ฟิลิปปินส์จะกลายเป็นอันดับสอง แต่อีกไม่กี่ปี พม่าจะขายข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก เวียดนามอันดับสอง ฟิลิปปินส์อันดับสาม แต่เราขายข้าวให้แก่จีนเท่านั้น ขายทั่วโลกสู้ เขาไม่ได้
เพราะทั้วโลกช่วยเหลือเราไม่ได้เพราะติดขัดในกฎหมายของประเทศเขาเอง ที่ไม่สามรถคบค้ากับประเทศเผด็จการได้ ถึงแม้เราจะเป็นประชาธิปไตยแต่ทั่วโลกก็รู้ว่าการเลือกตั้งในประเทศไทย เป็นปาหี่ที่หลอกพวกเขาไปทั้งโลก รัฐสภาไทยเป็นแค่ปาหี่ ของเผด็จการ ใช้แก้ใขปัญหาของประเทศไม่ได้
ตอนนี้ได้แต่อิจฉาเวียดนามที่สุด ที่ได้ส้มหล่นโดยไม่รู้ตัวจากรัฐประหารที่ได้รับการรับรองของประยุทธ์ เราเอาความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ไปประเคนให้ประเทศเวียดนามนามโดยเราไม่รู้ตัว ผู้มีอำนาจของไทยเราทำลายประเทศและประชาชนของตัวเองเพียงเพราะอิจฉาทักษิณและต้องการกระชับอำนาจเผด็จการทรราช
ถ้าไม่รู้กับระบอบเผด็จการทรราช ประเทศไทยจะแย่ เยาวชนไทยจะไร้อนาคต
หมายเหตุ
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) อ่านพบบทความหนึ่งในกลุ่ม Line เห็นว่าน่าจะเป็นจริง ประเทศไทยใกล้จะลงเหวแน่แล้ว จึงขอเตือนสังคมไทยโดยดัดแปลงบทความนี้ในส่วนที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง