อ่าน 1,355 คน
AREA แถลง ฉบับที่ 147/2555: 17 ธันวาคม 2555
จิตใจสูงส่งของตะวันตกที่ไทยพึงสังวร

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
sopon@area.co.th

          ทุกคนเท่าเทียมกัน ทำให้เห็นถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่อยู่อย่างแบ่งชั้นวรรณะ
          หลายคนเห็นประเทศตะวันตกเจริญกว่าไทย ก็บอกว่าเพราะมันเป็นปีศาจเศรษฐกิจ เป็นจักรวรรดินิยมที่สะสมทรัพย์มาจากการขูดเลือดเนื้อของประเทศตะวันออกในศตวรรษก่อน แต่แท้จริงแล้ว สังคมตะวันตกที่เจริญมากก็เพราะการมีวิญญูชนจำนวนมากกว่าต่างหาก
          ที่เข้าใจผิดร้ายแรงไปกว่านั้นก็คือการมองว่าสังคมตะวันตกเลวร้ายทางศีลธรรมโดยมักดู จากภาพยนตร์แนวอาชญากรรมของฮอลลีวูดมากกว่าจะเข้าใจสภาพที่เป็นจริง ว่าโดยเฉลี่ยแล้ว สังคมตะวันตกสงบสุขกว่าและมีอาชญากรรมน้อยกว่าสังคมไทย นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ ทำไมคนไทยที่ไปอยู่ในประเทศตะวันตกนานๆ ส่วนมากไม่กลับหวนมาใช้ชีวิตบั้นปลายในแผ่นดินเกิด
          ดังนั้นคนไทยที่กลับมาตายบ้านเกิดก็คงเพราะล้มเหลว หรืออาจมีสำนึกรักบ้านเกิดรุนแรงผิดปกติ เพราะปกติคนไปอยู่เมืองนอกมากว่าค่อนชีวิต ก็คงมีใจผูกพันกับเมืองนอกไม่น้อย ก็คงคล้ายคนจีนโพ้นทะเล คงได้แค่คิดไปเยี่ยมบ้านเกิด คงไม่กลับไปตายบ้านเกิดที่เมืองจีนแน่นอน ยิ่งลูกหลานที่เกิดในประเทศตะวันตกยิ่งไม่ต้องพูดถึง คงแทบไม่มีใครกลับมาอยู่เมืองไทยแน่นอน
          ในเมืองเล็ก ๆ ของรัฐออรีกอน มีคนไทยคนหนึ่งทำงานในร้านอาหารไทย เขาบอกว่าที่นี่มีความสงบสุขและปลอดภัยสูงมาก ต่างจากเมืองไทยมากมาย แต่ที่เราคนไทยในประเทศไทยไม่รู้สึกรู้สาอะไรมาก ก็เพราะเราเคยชินกับสภาพแวดล้อมแบบไทย ๆ นั่นเอง อาจกล่าวได้ว่าสหรัฐอเมริกาที่เป็นประเทศที่มีรายได้ประชาชาติต่อหัวสูงกว่าไทยถึง 5 เท่านั้น สังคมมีความเป็นอยู่ที่เพียงพอ-พอเพียง (ไม่ใช่แค่ทำใจพอเพียง)
          คนไทยในนิวยอร์กคนหนึ่งบอกว่าอยู่ที่นี่ดีกว่าเมืองไทย เพราะทุกคนเท่าเทียมกัน ทำให้เห็นถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่อยู่อย่างแบ่งชั้นวรรณะแบบในประเทศไทย โดยนัยนี้ เมืองไทยเราเจริญไม่ได้มาก ไม่ใช่เพราะคุณภาพคนไม่ดี แต่เป็นเพราะมีพวกนายทุน ขุนศึก ศักดินา มันใหญ่คับฟ้า คนดีมีความสามารถอยู่ไม่ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ “ดวง” ซึ่งไม่ใช่แปลว่าดวงดีหรือไม่ดี แต่เป็นคำย่อมาจาก “เด็กใคร วิ่งหรือไม่ และเงินถึงไหม” นั่นเอง
          ในเกาะแมนฮัตตันอันแสนสับสนและดูมีภัย “ไอ้มืด” อยู่ทั่วไป (ตามหนังฮอลลีวูด) แต่กลับปรากฏว่าเด็กนักเรียนที่นั่นถูกสอนให้โกหกไม่เป็น ใครเป็นคนโกหกก็จะถือถูกตราหน้าเสียผู้เสียคนไปเลย เด็กก็ไม่โกหก การเป็นคนโกหกพกลม จึงเป็นเรื่องเสื่อมเสียศักดิ์ศรีเป็นอย่างยิ่ง แต่เมืองไทยเราสอนให้ “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” เพราะชีวิตไทย ๆ มันเสี่ยงเหลือเกินกับผู้มีอิทธิพลตั้งแต่สมัยศักดินา นายทุน ขุนศึก ฯลฯ
          สิ่งหนึ่งที่พ่อแม่มักพร่ำสอนกรอกหูลูกก็คือ “ทำตัวให้พ่อแม่ชื่นใจ/ภาคภูมิใจนะลูก” ดังนั้นลูกเด็กเล็กแดงจึงถูกปลูกฝังให้เป็นพลเมืองดีของสังคม ไม่ขี้ขโมย ไม่เอาสมบัติของส่วนรวมมาเป็นของส่วนตัว ขนาดว่าจะตกปลาในแม่น้ำลำคลองสาธารณะ หรือจะเก็บหอยนางรมตามชายหาด ก็ยังต้องได้รับใบอนุญาตและเสียค่าธรรมเนียม เพราะถือเป็นสมบัติของส่วนรวม จะถือแบบไทย ๆ ที่ “มือใครยาว สาวได้สาวเอา” ไม่ได้
          เพราะคติไทย ๆ ที่ “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” เราจึงเห็นการบุกรุกทำลายป่ามากมาย เช่นกรณีเขายายเที่ยง  ขนาดว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี ยังต้องคืนที่ดินให้หลวง แต่ขณะนี้กลับมาผู้คนบุกรุกไปซื้อตากอากาศบ้าง ทำรีสอร์ทบ้างมากมาย และไม่แต่เฉพาะที่เขายายเที่ยง ที่ดินเชิงเขาหรือบนเขาแทบทุกที่ แม้ไม่มีโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย ก็ยังมีการจำหน่ายจ่ายโอนอ่านผิดกฎหมายแทบทุกวัน
          คุณลักษณะข้อหนึ่งของวิญญูชนก็คือการตรงต่อเวลา จะเห็นได้ว่าผู้คนในประเทศตะวันตกหรือแม้แต่วิญญูชนในโลกตะวันออกที่เจริญแล้ว เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ฯลฯ ต่างให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง คุณลักษณะข้อนี้เป็นเครื่องชี้วัดความเจริญหรือมีอารยธรรมของบุคคลในสังคม เพราะแสดงถึงการรักษาคำพูดและความซื่อสัตย์ที่เริ่มต้นจากเรื่องเล็ก ๆ อย่างไรก็ตาม บางทีเราก็ถูกสอนให้มองเห็นการนั่งทอดหุ่ยเป็นเรื่องดี ไม่ต้องรีบร้อนช่วงชิงกับใครเสียอีก
          วิญญูชนในประเทศตะวันตกมักไม่งมงาย หรือคิดอย่างไม่เป็นวิทยาศาสตร์ แม้จะมีความเชื่อแบบโบราณเช่นเรื่องตัวเลขบ้างก็ตาม เช่น ชาวจีนไม่ชอบเลข 4 (ออกเสียงคล้ายตาย) คนญี่ปุ่นไม่ชอบเลข 9 (ออกเสียคล้ายลำบาก) หรือฝรั่งไม่ชอบเลข 13 ก็ตาม แต่ก็ไม่ถึงขั้นงมงาย บางคนอาจบอกว่าคนที่ไม่จบปริญญาตรีในประเทศกำลังพัฒนา เช่น ไทย มักงมงาย แต่คนไทยที่จบปริญญาตรีขึ้นจำนวนมากมายก็อาจงมงายยิ่งกว่า เช่น ถูกหลอกซื้อหุ้น ทำแชร์ลูกโซ่ ขายตรง หลงซื้อของตามโฆษณา รวมทั้งคนระดับดอกเตอร์ ยังหลงเปรตกู้ เป็นต้น
          เพื่อนเกาหลีผมคนหนึ่งไปเรียนจนจบปริญญาเอกและตั้งรกรากอยู่สหรัฐอเมริกา เขาบอกว่า การลงทุนที่สำคัญที่สุดก็คือการลงทุนให้การศึกษาที่ดีที่สุดให้กับลูก ไม่ใช่การลงทุนในทรัพย์สินเงินทอง เพราะในประเทศตะวันตก เขาต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีมรดก โดยถือเป็นหน้าที่พลเมือง แต่ขณะที่ประเทศไทยยังไม่ยอมมี เพราะชนชั้นสูงไม่ยอม โดยนัยนี้ประเทศตะวันตกยิ่งมีประชากรที่มีคุณภาพจำนวนมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ กว่ากรณีประเทศไทย เช่นนี้แล้ว ประเทศของพวกเขาจึงยิ่งเจริญยิ่ง ๆ ขึ้น
          คุณลักษณะของประเทศตะวันตกอีกอย่างหนึ่งก็คือ การบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัดเสมอหน้ากัน ไม่ใช่กรณีประเทศไทยที่ขึ้นอยู่กับเส้น หรือลูกท่านหลานเธอ อย่างกรณี “แพรวา” เมืองไทยเรามักเอาจริงเป็นพัก ๆ เช่น การสวมหมวกกันน็อก การข้ามทางม้าลาย เป็นต้น ประเทศตะวันตกมีความสงบเรียบร้อยก็เพราะการลงโทษรุนแรง เจ้าของตึกใหญ่บนเกาะแมนฮัตตัน หรือดาราฮอลลีวูด ก็ติดคุกได้เพราะไม่เสียภาษี แต่ผู้รู้ไทยกลับคิดว่าการลงโทษรุนแรง จะทำให้อาชญากรฆ่าเจ้าทุกข์บ้าง หรือกลัวว่าจะเป็นช่องทางหากินของผู้รักษากฎหมายบ้าง และเพราะ “เส้น” จึงไม่อาจตรวจสอบผู้รักษากฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายจึงลุ่ม ๆ ดอน ๆ ประเทศจึงพัฒนายาก
          ที่กล่าวมานี้ไม่ใช่ว่าเมืองไทยไม่ดี แต่ความจริงประการหนึ่งก็คือ คนดีมีคุณภาพอยู่ยากในสังคมไทย เพราะเราไม่ค่อยยึดถือกฎหมาย มักใช้หลักรัฐศาสตร์ปล่อยปละละเลยกันไปเรื่อย ไม่ใช้หลักนิติศาสตร์อย่างเสมอหน้ากันทุกคน คนที่ชอบอยู่เมืองไทยจึงเป็นคนที่เคยชินกับสภาพแวดล้อมลุ่ม ๆ ดอน ๆ แบบนี้ ผู้ที่ไม่อินังขังขอก ผู้ที่หวังดีหวังพัฒนาชาติให้ดีกว่านี้ พวกไม่มีที่ไป ฯลฯ และที่ลืมไม่ได้ก็คือ พวกที่กำลังเอารัดเอาเปรียบในสังคมไทยที่ไม่อาจย้ายไปอยู่ในสังคมอารยะใดได้ เพราะเป็นที่รังเกียจและไม่มีทางทำมาหากินเช่นในประเทศไทยนี้
          วกกลับมาที่อสังหาริมทรัพย์สักนิดก็คือ เมื่อประเทศสงบสุข ก็มีคนไปอยู่ ไปลงทุน ไปซื้ออสังหาริมทรัพย์มากมาย เป็นแรงดึงดูดสำคัญ ทำให้ประเทศชาติเจริญขึ้นนั่นเอง
          แม้ในประเทศตะวันตกไม่มีนักบวชมาเป่ากระหม่อม ไม่มีนักเทศน์มาพร่ำสอนซ้ำ ๆ ซาก ๆ แต่เขาก็สร้างอารยชนมาพัฒนาประเทศได้มากมายโดยการยึดถือกฎหมายโดยเคร่งครัด เสมอหน้า และมีการตรวจสอบที่จริงจัง

ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน

2024 Copyright © by area.co.th All Rights Reserved