โควิด-19 หรือโรคระบาดอื่นๆ ก็เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ แต่เราท่านเกิดไม่ทัน มาในยุคนี้หลายคนอาจปรับตัวไม่ได้ ผมจึงขออนุญาตเอานิทานมาเล่าเพื่อการคิดนอกกรอบ (Thinking Out of Box) เสียหน่อย เพื่อการวางแผนอย่างแยบยลและเพื่อความสำเร็จในธุรกิจ (อสังหาริมทรัพย์หรืออื่นใด) และชีวิตของเราเอง
นิทานเรื่องนี้เราท่านก็คงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว แต่พอดีเพื่อนรักชาวอินเดียซึ่งเป็นศาสตราจารย์ ดร.ด้านอสังหาริมทรัพย์ในทางเดียวกับผม ส่งมาให้ ผมจึงขอเอาต้นฉบับนี้มาเผยแพร่ก็แล้วกัน (จะได้ไม่ซ้ำกับที่มีการเผยแพร่ในกรณีอื่นๆ) เรื่องของเรื่องก็คือ
เมื่อหลายร้อยปีก่อนในเมืองเล็ก ๆ ของอิตาลี มีพ่อค้าโชคร้ายรายหนึ่งที่ต้องจ่ายเงินจำนวนมากให้กับนายทุนเงินกู้ นายทุนคนนี้ทั้งแก่และทั้งน่าเกลียด แต่นายทุนคนนี้ก็ใฝ่ฝันที่จะได้ลูกสาวที่งดงามของพ่อค้าคนนั้น ดังนั้นเขาจึงเสนอข้อต่อรองพ่อค้าคนนั้นโดยบอกว่า เขาจะยกหนี้สินให้ทั้งหมดถ้าเขาสามารถจะแต่งงานกับลูกสาวของพ่อค้าจนๆ คนนั้นได้
ทั้งพ่อค้าและลูกสาวของเขาต่างก็ตกใจกับข้อเสนอของนายทุนเงินกู้รายนี้ เงื่อนไขที่นายทุนเงินกู้เสนอก็คือเขาจะหยิบก้อนกรวดในสวนหลังบ้านของเขาซึ่งมีทั้งกรวดสีขาวและสีดำคละปนกันหมด โดยใส่ก้อนกรวดสีดำและก้อนกรวดสีขาวลงในถุงเงินเปล่าใบหนึ่ง จากนั้นก็ให้ลูกสาวพ่อค้าคนนั้นหยิบก้อนกรวดก้อนหนึ่งจากถุงใบนั้น โดยหากเธอหยิบก้อนกรวดสีดำ เธอจะต้องกลายเป็นภรรยาของนายทุนเงินกู้คนนั้น และหนี้ของพ่อเธอก็จะหมดไป แต่ถ้าเธอเลือกได้ก้อนกรวดสีขาว เธอก็ไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับเขา และหนี้ของพ่อเธอก็จะหมดไปเช่นกัน และถ้าเธอบ่ายเบี่ยงไม่ยอมทำตามกติกานี้ นายทุนคนนั้นก็จะไปแจ้งความที่พ่อของเธอไม่สามารถใช้หนี้ได้ และพ่อของเธอจะถูกจับเข้าคุก
เมื่อถึงวันนัดหมาย ทั้งนายทุนเงินกู้ พ่อค้าและลูกสาวคนสวยของพ่อค้าต่างก็อยู่ในสวนของพ่อค้าโดยยืนอยู่บนทางเดินที่เต็มไปด้วยก้อนกรวด ต่อมานายทุนเงินกู้ก็ก้มตัวลงหยิบก้อนกรวดขึ้นมาสองก้อนใส่ลงไปในถุง ลูกสาวพ่อค้าคนนั้นสังเกตเห็นว่านายทุนดังกล่าวหยิบก้อนกรวดสีดำสองก้อนแล้วใส่ลงในกระเป๋า ไม่ใช่ใส่ก้อนสีขาวและก้อนสีดำอย่างละก้อนตามข้อตกลง จากนั้นนายทุนเจ้าเล่ห์คนนั้นก็ขอให้หญิงสาวหยิบก้อนกรวดจากกระเป๋า
ถ้าเป็นเราท่านจะทำอะไรในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนนั้น จากการวิเคราะห์อย่างรอบคอบก็จะทำให้เกิดความเป็นไปได้สามประการ ได้แก่:
1. เด็กสาวคนนั้นควรปฏิเสธที่จะเล่นตามกติกานี้
2. เด็กสาวควรแสดงให้เห็นว่ามีก้อนกรวดสีดำสองก้อนอยู่ในกระเป๋าและเปิดเผยว่านายทุนเงินกู้เป็นคนโกง
3. เด็กหญิงควรเลือกก้อนกรวดสีดำและเสียสละตัวเองเพื่อช่วยพ่อของเธอให้พ้นจากหนี้และโทษจำคุก
เรื่องราวข้างต้นนี้ได้รับการนำมาใช้ด้วยความหวังว่าจะทำให้เราเห็นคุณค่าความแตกต่างระหว่างความคิดนอกกรอบและการวินิจฉัยเชิงตรรกะ
ในที่สุดหญิงสาวก็สอดมือเข้าไปในถุงเงินเพื่อเลือกก้อนกรวด แล้วดึงก้อนกรวดออกมาโดยสายตาจับจ้องไปที่นายทุนดังกล่าวและพ่อของตน แต่แล้วก็แสร้งทำก้อนกรวดที่เลือกตกลงไปบนทางเดินที่มีก้อนกรวดทั้งสีขาวและสีดำปนกันอยู่ ทั้งพ่อค้าและนายทุนเงินกู้ก็ไม่ทันสังเกตว่าก้อนกรวดที่เธอแสร้งทำตกพื้นไปนั้นสีอะไร
หญิงสาวกล่าวว่า “โอ้ ฉันช่างซุ่มซ่ามเหลือเกิน แต่ก็ไม่เป็นไรถ้าท่านมองเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหาของที่เหลืออยู่คุณจะสามารถบอกได้ว่าฉันเลือกก้อนกรวดสีอะไร” เนื่องจากก้อนกรวดที่เหลืออยู่เป็นสีดำอย่างแน่นอน จึงต้องอนุมานเอาว่าเธอเลือกก้อนหินสีขาวนั่นเอง และโดยที่นายทุนเงินกู้รายนั้นไม่กล้ายอมรับความไม่ซื่อสัตย์ของเขาเอง หญิงสาวจึงเปลี่ยนสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้และเป็นฝ่ายมีชัยในที่สุด
นิทานเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่าปัญหาที่ซับซ้อนมักมีทางแก้ไข บางครั้งเราต้อง “มองต่างมุม” และ “คิดนอกกรอบ” (This is called as Thinking “out of Box”)
ในห้วงวิกฤติย่อมมีทางออกเสมอ แต่เราจะคิดแบบทื่อๆ ไม่ได้ ขอให้ทุกท่านหาทางออกจากกล่องให้เจอ เพื่อฝ่าฟันอุปสรรคอย่างไรย่อท้อจนกว่าจะได้ชัยชนะ