มาดู 10 บริษัทพัฒนาที่ดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย (จากจำนวนและมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่ปี 2563) ว่าเป็นบริษัทอะไรบ้าง
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เปิดเผยถึงบริษัทพัฒนาที่ดินที่เปิดตัวโครงการสูงสุดในปี 2563 ทั้งในแง่จำนวนหน่วยและมูลค่าการพัฒนา ทั้งนี้ในกรณีบริษัทมหาชน นับรวมการพัฒนาของบริษัทในเครือด้วย:
ในปี 2563 บริษัทที่มีการพัฒนาสูงสุดก็คือ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) ซึ่งพัฒนาจำนวนโครงการมากที่สุด 38 โครงการ พัฒนาหน่วยขายมากที่สุดถึง 8,476 หน่วย และรวมมูลค่าการพัฒนาทั้งหมด 40,003 ล้านบาท โดยมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 4.72 ล้านบาท บริษัทนี้นำคู่แข่งอันดับสองถึงเกือบ 1 ช่วงตัวในแง่จำนวนหน่วยที่เปิดและมูลค่าที่เปิดในปี 2563 สินค้าของ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) มีจำนวนหน่วยทุกๆ 1 ใน 9 หน่วยที่ขาย แต่ถ้าเทียบในแง่มูลค่าก็เท่ากับ 1 ใน 7 ของมูลค่าที่เปิดขายเลยทีเดียว
อาจกล่าวได้ว่า บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) ก้าวขึ้นอันดับหนึ่งเป็นครั้งแรกหลังจากที่ บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท ครองแชมป์เป็นอันดับหนึ่งนับสิบปีที่ผ่านมา มาในปี 2563 นี้ บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตทกลับตกมาสู่อันดับที่ 7 ทั้งนี้เพราะยังมีหน่วยขายรอการขายอีกมาก จึงยังไม่รีบร้อนเปิดตัวโครงการ อย่างไรก็ตาม บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตทยังมีรายการโครงการที่รอเปิดตัวอีกเป็นจำนวนมากเช่นกัน ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจกลับมาทวงแชมป์อีกครั้งหนึ่ง เพราะในสมัยที่ครองแชมป์อยู่นั้น มีการเปิดตัวหน่วยขายใหม่นับหมื่นหน่วยต่อปี
หากพิจารณาถึงบริษัทที่มีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยสูงสุดก็คงเป็น บมจ.เอสซีแอสเสทคอร์ปอเรชั่น ซึ่งราคาเฉลี่ยต่อหน่วยคือ 8.664 ล้านบาท ทั้งนี้ในปี 2563 เปิดทั้งหมด 11 โครงการ รวม 1,632 หน่วย โดยมีมูลค่าสูงถึง 14,140 ล้านบาท นับได้ว่ามีสัดส่วนการเปิดตัวในเชิงมูลค่าสูงถึง 4.9% ของทั้งหมด อาจกล่าวได้ว่าในบรรดาบ้านที่มีราคาสูง เช่น 15-20 ล้านบาทขึ้นไปกลุ่มบริษัทนี้จะครองแชมป์อยู่หลายสมัย ทั้งนี้แต่ก่อนอาจเป็น บมจ.แสนสิริ ซึ่งมักสร้างบ้านราคาสูงออกสู่ตลาด แต่มาในระยะหลัง บมจ.แสนสิริ กลับพัฒนาโครงการในระดับราคาที่แตกต่างกันไป เพื่อเพิ่มกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง
ส่วนบริษัทที่มักจะพัฒนาสินค้าราคา “กันเอง” หรือค่อนข้างถูก ได้แก่ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งในปี 2563 พัฒนาทั้งหมด 10 โครงการ รวม 2,102 หน่วย รวมมูลค่า 3,416 ล้านบาท หรือราว 2.9% ของสินค้าในตลาด โดยมีราคาเฉลี่ยเพียง 1.625 ล้านบาท และสามารถขายได้ดีมาก อีกบริษัทหนึ่งก็คือ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งในปี 2563 พัฒนาไป 7 โครงการ รวม 4,795 หน่วย โดยมีมูลค่า 9,486 พันล้านบาท หรือตกเฉลี่ยหน่วยละ 1.978 ล้านบาท
10 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดนี้ยิ่งใหญ่มาก โดยประมาณ 49% ของหน่วยขายที่เปิดขายในปี 2563 ขายโดยบริษัท 10 แห่งนี้ ท และ 51% ของมูลค่าการพัฒนาทั้งหมดมาจากสินค้าของ 10 บริษัทนี้ อย่างไรก็ตามก็คงไม่มีใครสามารถครอบงำตลาดได้รายเดียว ต่างจากสินค้าอุปโภคบริโภคที่อาจมีการ “ผูกขาด” เกิดขึ้นได้