กรณีฝุ่นควันภาคเหนือที่เลวร้ายที่สุดในโลกในขณะนี้ ชาวเขา ชาวบ้านหยุดเผาป่า และลงมาอยู่บนพื้นราบได้แล้ว ตั้งกองอาสาป้องกันไฟป่า-เฝ้าระวังการตัดไม้ทำลายป่า
“เช้านี้ (9 มีนาคม 2564) เช้านี้ ‘เชียงใหม่’ ติดอันดับที่ 1 อากาศแย่ที่สุดในโลก เป็นวันที่ 3แล้ว ขณะที่ชาวบ้านยังลักลอบเผาป่าไม่หยุด. . .เว็บไซต์ Air Visual จัดอันดับคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ สภาพอากาศแย่เป็นอันดับที่ 1 ของโลก โดยวัดค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 202US AQI ถือว่า ครองแชมป์อันดับ 1 ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ส่วนบรรยากาศในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันท้องฟ้าสีกลายเป็นสีเทา หากมองจากในตัวเมืองขึ้นไปยังดอยสุเทพ ไม่สามารถมองเห็นดอยสุเทพได้เพราะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันไฟป่า <1>
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ในฐานะประธานก่อตั้งมูลนิธิประเมินค่า-นายหน้าแห่งประเทศไทย (www.thaiappraisal.org) ให้ความเห็นว่าการเผาป่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง การที่ชาวเขาและชาวบ้านยังเผาป่าอยู่ในลักษณะนี้ก็คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาฝุ่นควันได้ ชาวเขาจึงควรลงมาอยู่บนพื้นราบได้แล้ว แต่รัฐบาลควรจัดการหาที่อยู่อาศัยและช่องทางทำกินหรืออย่างน้อยต้องประกันรายได้ให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในครอบครัว
อีกทางหนึ่งก็คือควรที่จะจัดตั้ง “กองอาสาป้องกันไฟป่า-เฝ้าระวังการตัดไม้ทำลายป่า” เพื่อป้องกันการเผาป่า และดูแลการตัดไม้ทำลายป่า ทั้งนี้
1. ในจังหวัดหลักในภาคเหนือ 15 จังหวัด อันได้แก่ กำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก นครสวรรค์ น่าน พะเยา พิษณุโลก แพร่ ภูเก็ต แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์ มีพื้นที่รวมกัน 146,257.65 ตารางกิโลเมตร
2. หากหักพื้นที่ส่วนที่เป็นเมือง เกษตรกรรมและส่วนราชการออกไปราวหนึ่งในสามก็จะเหลือพื้นที่ป่าที่ต้องเฝ้าระวังประมาณ 97,505.10 ตารางกิโลเมตร
3. สมมติในพื้นที่ขนาด 25 ตารางกิโลเมตรของป่า (5 x 5 กิโลเมตร) ใช้หน่วยลาดตระเวน หน่วยละ 2 คน วันละ 2 ผลัด หรือรวม 4 คน
4. โดยนัยนี้ก็เท่ากับว่าคนหนึ่งลาดตระเวนวันละ 6.25 ตารางกิโลเมตรต่อวัน (ขนาด 2.5 x 2.5 กิโลเมตร)
5. จำนวนอาสาสมัครที่ต้องใช้จะเป็น 15,601 คน
6. หากว่าจ้างหน่วยลาดตระเวนนี้ด้วยเงินวันละ 500 บาทต่อคน ก็จะเป็นเงินวันละ 500 บาทต่อคนหรือทั้งหมด 7,800,500 บาทต่อวัน หรือรวมเป็นเงินทั้งหมด 2,847,182,500 บาทต่อปี
เงินจำนวน 2,847 ล้านบาทต่อปีสำหรับการป้องปรามการตัดไม้ทำลายป่าและการเผาป่า และเพื่อสุขภาพของประชาชนจำนวนหลายสิบล้านคนจากฝุ่น PM2.5 เช่นนี้ น่าจะคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง และยังสามารถว่าจ้างชาวเขาให้ทำการนี้ได้ เป็นการหางานให้ทำได้อีกทางหนึ่งอย่างยั่งยืน และห้ามชาวเขาทำไร่เลื่อนลอย หากจะปลูกพืชผักก็ควรปลูกไว้บริโภคเอง ไม่ใช่ปลูกไว้ขายเช่นที่ผ่านมา
คิดใหม่เพื่อการป้องกันฝุ่นควันอย่างยั่งยืน
อ้างอิง
<1> 'เชียงใหม่' อากาศแย่ที่สุดในโลก เป็นวันที่ 3 ขณะชาวบ้านลอบเผาป่าไม่หยุด. กรุงเทพธุรกิจ 9 มีนาคม 2564. https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/926385